Page 63 -
P. 63
์
ิ
ุ
ั
ิ
ิ
ื
ิ
โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรต สมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
�
ต้องรู้จักนาเอา “หลกของความก้าวหน้าในการฝึก” มาใช้ควบคู่กันไปด้วย เพราะเม่อมีการออก
ื
ั
ี
�
�
ึ
กาลังกายหรือฝึกซ้อมเป็นประจาไปสักระยะเวลาหน่ง ร่างกายจะเกิดการเปล่ยนแปลง (Adaption)
หากไม่มีการปรับโปรแกรม ทั้งความถี่ ความหนัก ระยะเวลา และประเภทของการฝึก ก็จะท�าให้
โปรแกรมนั้น มีประสิทธิภาพลดลง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ฝึกสอนมีการปรับโปรแกรมเร็วเกิน
ไป อาจจะท�าให้เกิดการบาดเจ็บ และโปรแกรมการฝึกล้มเหลวได้ จึงต้องพิจารณาปรับโปรแกรม
ให้เหมาะสม โดยดูจากผลการตอบสนองต่อการฝึก ซึ่งในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน
1.3 หลักของความเฉพาะเจาะจงในการฝึก (Specificity Principle) การออก
ก�าลังกายหรือการฝึกต้องมีการก�าหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน ตลอดจน
ความต้องการและการตอบสนองของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องมีการจัดโปรแกรม
การฝึกที่มีความเฉพาะเจาะจง (Specific Training) ตัวอย่าง คนที่กล้ามเนื้อขาไม่แข็งแรง ก็ต้อง
ื
�
ั
จัดโปรแกรม เพื่อฝึกกล้ามเน้อต้นขาด้านหน้าและด้านหลัง ผลลัพล์จะทาให้กล้ามเน้อน้นจะมีความ
ื
แข็งแรงขึ้น และตรงกับความต้องการของผู้ที่ออกก�าลังกาย ส่วนนักวิ่งระยะสั้น โปรแกรมการฝึก
จะต้องเน้นที่ระบบพลังงาน ก็ต้องฝึกระบบพลังงานแบบแอนแอโรบิก จึงจะมีความเฉพาะเจาะจง
กับชนิดของกีฬา นอกจากนี้ผู้ฝึกสอนยังจ�าเป็นต้องจัดโปรแกรมการฝึกในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย มิใช่
ี
ี
ั
่
เน้นเฉพาะส่วนทมีความเฉพาะเจาะจงเพยงอย่างเดยว หลกของความเฉพาะเจาะจงในการฝึกจะ
ี
ื
ให้ประโยชน์และบังเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต่อเม่อการฝึกน้นมีความสอดคล้องกับกลุ่มกล้ามเน้อ
ั
ื
ื
ระบบพลังงาน ทักษะการเคล่อนไหว ของกีฬาชนิดน้นๆ และความหนักของโปรแกรมการฝึกจะ
ั
ต้องเหมาะสมที่จะท�าให้เกิดการพัฒนาสมรรถภาพทางกายด้านต่างๆ ได้ครบถ้วน
2. ระบบพลังงานกับการออกก�าลังกาย
พลังงานของร่างกาย ได้มาจากการสลายสารอาหารผ่านกระบวนการเผาผลาญ และ
ได้พลังงานออกมาในรูปสารเคมีที่มีพันธะพลังงานสูง (High energy bond) คือ เอทีพี (ATP) เป็น
อักษรย่อมาจาก อะดีโนซีน ไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) โดย เอทีพ สามารถ
ี
ั
ั
ี
�
สังเคราะห์ได้จากกระบวนการทางชีวเคม ท้งระบบใช้และไม่ใช้ออกซิเจน ดังน้น การทางานของ
กล้ามเนื้อ จะใช้พลังงานที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญ 3 ระบบ ได้แก่
2.1 ระบบฟอสฟาเจน (Phosphagen system) ในระบบนี้จะสังเคราะห์ ATP
จาก ฟอสโฟครีเอทีน (Phosphocreatine) ท่อยู่ในกล้ามเน้อ ซ่งประกอบด้วย “หมู่ฟอสเฟต”
ื
ึ
ี
เหมือนกัน เมื่อ ฟอสโฟครีเอทีน แตกตัว จะได้ ครีเอทีน กับ Pi แล้ว Pi ที่ได้นี้จะไปรวมกับ ADP
(Adenosine di-phosphate) ได้เป็นATP (Adenosine Triphosphate) โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน
ื
ซ่งเป็นพลังงานประเภทพร้อมใช้งาน ที่ร่างกายสามารถนามาใช้ได้ทันท เน่องจากกล้ามเน้อจะม ี
ึ
�
ื
ี
56 การออกก�าลังกาย