Page 25 -
P. 25
์
ั
ุ
ิ
ิ
ื
โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรต สมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
ิ
ิ
�
ึ
�
�
ิ
จุดประสงค์อย่างหน่งของการออกกาลังกายในนา เพ่อท่จะเพ่มการใช้พลังงาน การทาให้
ี
้
ื
เกิดแรงต้าน และการไหลอย่างไม่เป็นระเบียบของน�้า หรือเรียกว่า การไหลแบบปั่นป่วน (Turbu-
lent flow) เป็นการเพิ่มแรงต้าน (รูปที่ 2.6) Turbulent flow เป็นการเคลื่อนที่ของของเหลวที่
ไม่ปกติ กล่าวคือ ณ จุดจุดหนึ่งมีการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบท�าให้เกิดแรงต้านเพิ่มขึ้น และท�าให้
เกิดการเคลื่อนที่แบบเป็นวงกลม หรือเรียกว่า กระแสน�้าวนกลับ (Eddies) (รูปที่ 2.6) เราสามารถ
�
้
�
ทาให้การไหลของนารอบตัวและแขนขาไม่เป็นระเบียบ หรือเป็นการไหลแบบปั่นป่วน ได้จากการนา
�
ื
กฎการเคล่อนท่ของนิวตันมาประยุกต์ใช้ โดยการเพ่มแรงต้านท่เกิดจากพ้นท่ผิวในทิศทางท่ทาการ
ี
�
ี
ี
ื
ี
ิ
เคลื่อนที่ด้านหน้า (Frontal resistance) การเพิ่มความยาวของคานหรือแขนขา และการเปลี่ยน
ท่าทางของมือ (Hand positions) เพื่อก�าหนดความหนักของการออกก�าลังกายในน�้า
รูปที่ 2.6 การไหลแบบปั่นป่วน (บน) และ แบบกระแสวนกลับ (ล่าง)
ที่มา: ดัดแปลงจาก AEA, 2018
3.3 แรงต้านที่เกิดจากพื้นที่ผิวด้านหน้า
แรงต้านที่เกิดจากพื้นที่ผิวด้านหน้าในทิศทางที่ท�าการเคลื่อนที่ เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง
ที่มีผลต่อความหนักของการออกก�าลังกาย ซึ่งเป็นผลจากแรงแนวนอน (Horizontal) ของน�้า บน
ึ
ิ
ั
�
ี
บกน้นแรงหลักท่กระทาต่อร่างกายเป็นแรงดึงลงในแนวด่งซ่งเกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลก ส่วนแรง
�
ต้านในแนวนอนจะรู้สึกได้ก็ต่อเม่อเดินทวนลมแรงๆ ซ่งในการออกกาลังกายส่วนใหญ่แล้วแรงต้าน
ื
ึ
ั
�
ในแนวนอนในอากาศน้นมีน้อยมากจนไม่รู้สึก แต่ในนาแรงโน้มถ่วงไม่ใช่แรงหลักท่มากระทาต่อ
้
�
ี
ึ
ี
ื
ร่างกาย เน่องจากแรงโน้มถ่วงท่เป็นแรงแนวด่งดึงลงสู่ด้านล่างน้นถูกหักล้างด้วยแรงลอยตัวซ่งเป็น
ิ
ั
้
แรงในแนวเดียวกัน แต่อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม อย่างไรก็ดีแรงต้านในแนวนอนของนาน้น มากพอ
�
ั
จนสามารถรับรู้ได้เนื่องจากความหนืดของน�้า
18 การออกก�าลังกาย