Page 15 -
P. 15
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ื
ิ
ิ
ิ
์
ิ
13
2.1 สารอินทรีย์ (Organic matter)
สารประกอบอินทรีย์ในอาหาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน กรดนิวคลีอิก กรดอินทรีย์
และ
ไวตามินต่างๆ
2.1.1 คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate)
โดยทั่วไปในอาหารมักประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตประมาณ 3 ใน 4 ของวัตถุแห้งทั้งหมด โดยที่
ปริมาณคาร์โบไฮเดรตในร่างกายสัตว์จะมีปริมาณต่ ากว่าในพืช ทั้งนี้เนื่องจากผนังเซลล์ของพืชจะเป็น
สารประกอบคาร์โบไฮเดรต เช่น เซลลูโลส (Cellulose) เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ผนังเซลล์ของเซลล์สัตว ์
จะประกอบด้วยโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้พืชจะเก็บสะสมพลังงานในรูปคาร์โบไฮเดรต เช่น แป้ง
(Starch) และน้ าตาล (Sugar) ต่างๆ ในขณะที่สัตว์มักจะเก็บสะสมพลังงานในรูปไขมัน คาร์โบไฮเดรตที่
พบในร่างกายสัตว์จะอยู่ในรูปของน้ าตาลกลูโคส (Glucose) และไกลโคเจน (Glycogen) ในปริมาณที่ไม่
มากนัก ดังแสดงในตารางที่ 1-5
ตารางที่ 1-5 คาร์โบไฮเดรตที่พบในร่างกายโคน้ าหนัก 450 กิโลกรัม
คาร์โบไฮเดรต จ านวน (กรัม)
กลูโคสในเลือด 20-25
กลูโคสในเนื้อเยื่อ 40-50
ไกลโคเจนในตับ 250-300
ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ 1,800-2,200
ที่มา: ดัดแปลงมาจาก นวลจันทร์ และสินชัย (ม.ป.ป.)
แหล่งคาร์โบไฮเดรตในพืชนี้ถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของสัตว์ อย่างไรก็ตามสัตว์สามารถใช้
สารประกอบคาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดไม่เท่ากัน โดยทั่วไปคาร์โบไฮเดรตที่สามารถละลายน้ าได้
(Nitrogen-free-extract, NFE) ซึ่งได้แก่ แป้งและน้ าตาล จะสามารถถูกย่อยได้ง่ายและให้ค่าพลังงานสูง
จัดเป็นแหล่งพลังงานหลักของสัตว์ได้ดี ส่วนคาร์โบไฮเดรตประเภทอื่นๆ เช่น พวกเยื่อใย (Fiber) อาทิ
เซลลูโลส (Cellulose) ลิกนิน (Lignin) หรือเรียกอีกอย่างว่า กลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่แป้ง (Non-
starch polysaccharide, NSP) (ภาพที่ 1-4) จะสามารถถูกใช้ประโยชน์ได้น้อย ดังนั้นจะให้ค่าพลังงาน
ต่ ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ าตาลและแป้ง สารเยื่อใยนี้จะเป็นตัวก าหนดคุณภาพของอาหารส าหรับสัตว์
บทที่ 1 บทบาทและความส าคัญของอาหารสัตว์ต่อการผลิตปศุสัตว์