Page 30 -
P. 30
ู
้
ู
ุ
ิ
ิ
คลังความรดจทัลและฐานข้อมลจดหมายเหต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ์
ำ
ชิงนักศึกษา หลังสงครามโลก การเติบโตของเศรษฐกิจ สาคัญแก่การมองจากภายนอก (ประเทศ) ก่อนการ
้
ำ
ำ
ั
ิ
ำ
ึ
ื
ั
ิ
้
ทาใหบรษทอุตสาหกรรมทางานวจยมากข้น ไม่เนน มองตัวเองในการทาหน้าท่มหาวิทยาลัยเพ่อคนไทย
ี
การตีพิมพ์ แต่เน้นการสร้างความร้ใหม่เพ่อสร้างส่งท ่ ี สังคมไทย โจทย์ที่แท้จริงของประเทศไทย คือ ความ
ิ
ื
ู
ี
ู
กินได้ (Edible) ใช้ได้ (Usable, applicable) เกิดเป็น ยากจนความเหล่อมลาท่ยังต้องการความร้วิชาการ
ื
ำ
้
ู
้
ี
่
ี
ู
ิ
ตัวเงินหรือขายได้ หรือได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เชงบรณาการ การสรางคนไทยทมสมรรถนะสงจง
ึ
ั
(Saleable) (ภาพที่ 22) ถูกลืม ในหลายกรณีมข่าวว่าอาจารย์มหาวิทยาลย
ี
ำ
ึ
ำ
ื
ำ
มีคาถามว่า เม่อคานึงถึงสถานภาพของ ไทยจานวนหน่งลืมภาระงานหลักของอาจารย์ คือ
ประเทศไทยทางเศรษฐกิจและความต้องการในการลด การเรียนการสอนนิสิตนักศึกษา ม่งหานักศึกษาท่เก่ง
ุ
ี
ความเหลื่อมล้ำา การเพิ่มความสามารถเพิ่มสมรรถนะ มาทำางานด้วยเพื่อเพิ่มผลงานอาจารย์
ู
ี
ิ
ประเทศไทยควรเน้นการสร้างความร้ท่เกิดประโยชน์ ส่งท่น่าคิดในขณะน้ คือ การเกิดการบรรจบ
ี
ี
ื
ิ
ู
ู
ผลิตสินค้ากินได้ ค้าขายได้ สร้างความร้เพ่อเพ่ม กัน การหลอมรวมกันของศาสตร์ เกิดความร้ใหม่
ื
ี
สมรรถนะ เช่น ญ่ป่น เกาหลี ไต้หวัน เม่อ 3 ประเทศน้น ของใหม่ได้ ในยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกา การร่วม
ุ
ั
เริ่มยุคสร้างมหาวิทยาลัยทางเทคโนโลยีหรือไม่ ที่งาน กัน (Intersection) และการ Converge ของความ
ำ
้
่
ุ
ู
ั
่
ู
ิ
ื
ู
ั
ี
วิจัยให้ผลลัพธ์ท่นาไปส่สินค้าอุปโภคบริโภค ท่ต้องการ รเกษตรกรรมกบอตสาหกรรมเกดขนคกนตลอด เมอ
ึ
ี
้
ี
ั
ความร้เร่องตลาด ห่วงโซ่การผลิต นอกเหนือจาก ประมาณ 150 ปีท่แล้วในสหรฐอเมรกามีกฎหมายเรยก
ู
ิ
ี
ื
ำ
้
ั
ู
ความร้ต้นนาเท่าน้นเป็นโมเดลของเอเชียตะวันออก ว่า Land Grant University Act (ค.ศ. 1862) หรือ
ที่ประสบความสำาเร็จ เริ่มจากการผลิตและขายสินค้า Morrill Act ส่งผลให้มลรัฐต่างๆ จัดตั้งมหาวิทยาลัย
ำ
ำ
้
้
่
ู
้
ู
และบริการปลายนาไปสการสรางความร้ต้นนาแต ่ ที่มี 2 ศาสตร์ คือ เกษตรศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์
ู
ุ
ำ
ต้องตระหนักว่ามีปัจจัยอื่นของรัฐสนับสนุนด้วย ไม่ใช่ ไปควบค่กัน ทาให้เกิดมหาวิทยาลัยกล่ม A&M
โมเดลลีเนียร์ของตะวันตกที่มองจากความรู้ต้นน้ำา ไป Universities (Agriculture and Machinery
ั
ิ
ู
ำ
ส่การใช้งานปลายนา ย่งไปกว่าน้นถ้าประเทศไทยต้อง Universities) และมหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐ (State
้
สร้างระบบความร้เชิงระบบ เพ่อลดความเหล่อมลา้ ลด Universities และ Land Grant Universities) เพื่อ
ื
ื
ู
ำ
ู
ความยากจนแบบเบ็ดเสร็จที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พัฒนาการเกษตรกับวิศวกรรมศาสตร์ควบค่กันไป
ื
ี
ำ
ื
ำ
ู
ทาอย่ในทศวรรษท่ผ่านมา แต่ยังเป็นโจทย์เร้อรังของ ทาให้เกิดการใช้เคร่องจักรในฟาร์ม (Mechanized
ื
ิ
ประเทศไทยมาต้งแต่เร่มการพัฒนา ความเหล่อมลา ำ ้ farming) และการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร
ั
ี
ิ
ื
เพ่มมากข้นสวนทางกับภาพรวมทางเศรษฐกิจ ความร ้ ู แรงงานคน แรงงานสัตว์ เปล่ยนเป็นเคร่องจักรกล ภาค
ึ
ู
ู
ี
ี
แบบน้ผ้เขียนเรียกว่าความร้ท่ยึดมนุษย์และสังคมเป็น การเกษตรฐานแรงงานเปลยนเป็นภาคการเกษตรฐาน
ี
่
ู
เป้าหมาย ผ้เขียนอยากเห็นการให้คุณค่าในวงวิชาการ เคร่องจักรกลหรือฐานเทคโนโลยี ต่อมาการเกษตรร่วม
ื
มหาวิทยาลัยไทยท่งานวิจัยสร้างผลลัพธ์ทางสังคม กันกับวิทยาศาสตร์ ทาให้เกิดอุตสาหกรรมอาหาร และ
ี
ำ
(Social outcomes) มากขึ้น มากกว่าการสร้างและ การปฏิวัติเขียว
ดื่มด่ำากับผลผลิตทางวิชาการ (Technical outputs)
เท่านั้น
ั
ผ้เขียนสังเกตว่าต้งแต่ช่วงต้นคริสต ์
ู
ศตวรรษท่ 21 ระบบอุดมศึกษาไทยให้ความสาคัญ
ำ
ี
ี
ู
ื
ท่สูงมากกับการสร้างองค์ความร้เพ่อการตีพิมพ์ รวม
ทั้งช่วยอาจารย์ยกสถานภาพของตน มหาวิทยาลัยติด
ำ
ื
หล่มการจัดลาดับเพ่อการแย่งชิงนักศึกษา ให้ความ
23