Page 41 -
P. 41

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว








                     3.  ความเป็นกรด-ด่าง (pH) การเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรด-ด่างมีผลต่อทิศทางความ

                     สมดุลของปฏิกิริยา เนื่องจากปฏิกิริยาเคมีมีความเกี่ยวข้องกับการจับโปรตอน ดังนั้นการปรับ

                     ค่าความเป็นกรด-ด่างจึงสามารถบังคับทิศทางของปฏิกิริยาได้ นอกจากนี้ค่าความเป็นกรด-

                     ด่างยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงประจุของหมู่ที่บริเวณ active site ของเอ็นไซม์ ทำให้เอ็นไซม์


                     สามารถจับกับสับสเตรทได้ดีขึ้นหรือลดลง หรือมีผลต่อความเสถียรของเอ็นไซม์เองเนื่องจาก

                     เอ็นไซม์เป็นโปรตีน การเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรด-ด่าง จึงมีผลทำให้โปรตีนแปรสภาพ

                     (denature)ได้  ส่งผลให้สูญเสียคุณสมบัติในการเร่งปฏิกิริยา (รูปที่ 3-11) เอ็นไซม์แต่ละชนิด

                     จะมีค่าความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมในการทำงานที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่เอ็นไซม์ชนิด

                     เดียวกันแต่มีแหล่งผลิตต่างกันจะมีค่าความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมแตกต่างกัน เช่น เอ็นไซม์


                     ไลเปสที่ผลิตจากกระเพาะอาหารกับไลเปสที่ผลิตจากตับอ่อน สามารถทำงานได้ดีในสภาพ

                     ความเป็นกรด-ด่างที่แตกต่างกัน เป็นต้น


                                                                        pH ที่เหมาะสม


                                       อัตราเร็ว








                                                                pH


                                   รูปที่ 3-11: ผลของค่าความเป็นกรด-ด่างต่ออัตราเร็วปฏิกิริยาของเอ็นไซม์

                                   ที่มา: Loeffler and Petrides (1998)


                     4.  อุณหภูมิ (temperature) มีผลต่ออัตราความเร็วในการทำปฏิกิริยาของเอ็นไซม์


                     โดยทั่วไปการเพิ่มอุณหภูมิมีผลช่วยให้อัตราเร่งของปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่ม

                     พลังงานให้แก่โมเลกุลจนกระทั่งถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมจะทำให้เกิดอัตราเร่งของปฏิกิริยา

                     สูงสุด และเมื่อเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นอีกจะทำให้อัตราเร่งของปฏิกิริยาลดลง เนื่องจากอุณหภูมิที่

                     สูงเกินไปจะทำลายโครงสร้างของเอ็นไซม์ (รูปที่ 3-12)



                     เอ็นไซม์                                                                         38
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46