Page 81 -
P. 81
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
3.ผลการวิจัย
3.1 ด้านกลสัทศาสตร์: ระดับเสียงสูงต�่า (pitch) ผลการศึกษา มีดังนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าความถี่มูลฐานหรือระดับเสียงของท�านองมคธและสังโยค
ระดับเสียงสูงต�่า (Pitch) ค่าเฉลี่ย (mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ท�านองมคธ 131.07 Hz. 15.04 Hz.
ท�านองสังโยค 144.58 Hz. 8.85 Hz.
ภาพที่ 5 ระดับเสียงสูงต�่าในท�านองมคธ (ซ้าย) และท�านองสังโยค (ขวา)
จากตารางที่ 1 และภาพที่ 5 แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองท�านองมีความคงที่สม�่าเสมอของความถี่
มูลฐาน หรือระดับเสียงสูงต�่าต่อเนื่อง โดยมีค่าเบี่ยงเบน S.D. = 15.04 Hz. และ 8.85 Hz. ของท�านองมคธ
และสังโยคตามล�าดับ ชี้ให้เห็นว่า ในแต่ละท�านองมีการรักษาระดับเสียงให้คงที่สม�่าเสมอเป็นระดับเสียงเดียว
โดยตลอด โดยคณะสงฆ์ที่สวดท�านองมคธมีค่าเฉลี่ยระดับเสียง (mean F0) 131.07 Hz. ต�่ากว่าคณะที่สวด
ท�านองสังโยคซึ่งมีค่าเฉลี่ย (mean F0) 144.58 Hz. แต่เนื่องจากเป็นคณะสงฆ์ต่างคณะ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า
ในภาพรวมการสวดท�านองมคธจะใช้ระดับเสียงโดยเฉลี่ยต�่ากว่าท�านองสังโยคซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป
ส�าหรับค่าที่แตกต่างอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติที่ .05 แต่ละท�านอง สังเกตว่ามีระดับเสียงสูงขึ้น ในพยางค์ที่
ผันวรรณยุกต์เสียงจัตวา (rising tone) ในภาษาไทย โดยในท�านองสังโยคจะสวดเสียงสูงขึ้นช่วงท้ายพยางค์
ในลักษณะเสียงขึ้น (rising tone) คล้ายออกเสียงจัตวา แต่ท�านองมคธจะสวดสูงขึ้นช่วงต้นถึงกลางพยางค์
ในลักษณะเสียงตก (falling tone) คล้ายออกเสียงวรรณยุกต์โท ซึ่งรายละเอียดของความแตกต่างในจุด
เหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาต่อไปเช่นกัน
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2554 73