Page 76 -
P. 76

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์





            is the stressed syllable while Lahu is the unstressed syllable) whereas in the Magadha style,

            stress is f xed by position at the f rst and last syllable of each phrase. The result of this study
            has implication in teaching religious chanting.



            1.บทน�า


                     ในประเทศไทย  พระภิกษุฝ่ายมหานิกายจะสวดท�านองสังโยค  และฝ่ายธรรมยุตจะสวดท�านอง
            มคธ (Piyasilo, 1990: 46) จากข้อมูลที่ได้ค้นคว้าพบค�าอธิบายไว้ว่า การสวดท�านองสังโยค เป็นการสวด

            ที่ออกเสียงเน้นตรงตัวสะกดหรืออักขระต่างๆให้ชัดเจน  หากเป็นค�าครุ  ให้ออกเสียงยาว  ส่วนค�าลหุ  ให้
            ชะงักเสียงเป็นเสียงสั้น (เดชา คงศรีเมือง, 2548: 29) ส่วนการสวดท�านองมคธ จะสวดเป็นตอนๆ ในวลี

            หรือประโยค (พระมหาชลทิศ จันทร์หอม, 2513: 79)

                     จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า การเรียนรู้วิธีสวดของพระภิกษุสามเณรนั้น มักอาศัยประสบการณ์
            ของแต่ละรูปที่ได้จากการสังเกต การฟังและฝึกฝนสวดเอง ซึ่งวิธีการนี้อาจท�าให้มีโอกาสสวดผิดเพี้ยนได้ แต่

            ในปัจจุบัน ความเจริญทางเทคโนโลยีสามารถน�าเสียงพูดของมนุษย์มาวิเคราะห์เพื่อประยุกต์ใช้ในการเรียน
            ได้ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ในแนวทางภาษาศาสตร์จนท�าให้เกิดค�าอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผล มีหลักเกณฑ์

            และช่วยให้การฝึกเรียนนั้นสัมฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการน�าความรู้ทางสัทศาสตร์และสัทวิทยา
            นี้ ไปใช้วิเคราะห์ท�านองเสียงพูดและการอ่านท�านองเสนาะมาแล้ว (Tumtavitikul and Promkhunthong

            2009, เสวีวร พรหมขุนทอง, 2549; อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล, 2540; Tumtavitikul, 2001)

                     ความรู้ทางสัทศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์คลื่นเสียงโดยตรงนั้น เรียกว่า กลสัทศาสตร์

            (acoustic phonetics) (Clark & Yellop,1990: 1) ศึกษาทั้งระดับความสูง-ต�่าของเสียง (pitch) ความเข้ม
            ข้นของเสียงหรือความดัง (loudness) และความยาวนาน (duration) ในแต่ละพยางค์ จากนั้น ก็สามารถใช้

            ความรู้ทางสัทวิทยามาต่อยอดได้ ด้วยการสรุปและจัดเป็นโครงสร้างทางภาษา ผู้วิจัยพบว่า สัทวิทยาทฤษฎี
            โครงสร้างการเน้นพยางค์ (Metrical phonology) ของ Liberman and Prince (1977) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ

            การเน้นพยางค์ในระบบค�า จะอธิบายด้วยแผนภูมิโครงสร้างบ่งชี้การเน้นพยางค์ที่สูงขึ้นไปเป็นระดับ โดย
            ให้พยางค์เน้นยึดโดยกิ่งหนัก (strong node) และพยางค์ไม่เน้นยึดโดยกิ่งเบา (weak node) และจะเอียง

            ไปในทิศทางของกิ่งหนัก มีสัญลักษณ์นิยมใช้คือ  = ระดับกลุ่มพยางค์, W = ระดับค�า (word group),
            | = กิ่งหนัก (strong node) ไว้ยึดพยางค์เน้น, \ หรือ / = กิ่งเบา (weak node) ไว้ยึดพยางค์ไม่เน้น,

             = พยางค์ (syllable) สามารถสรุปการแตกแขนง (foot tree) เป็น 3 รูปแบบ (อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล,
            2547: 104) ดังภาพที่ 1 คือ:






           68   วารสารมนุษยศาสตร์  ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2554
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81