Page 80 -
P. 80
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ส าหรับผลการส ารวจจ านวนยุ๎งฉางพบวําเกษตรกรสํวนใหญํ 78.85% มีสถานที่เก็บข๎าว 1 แหํง
รองลงมามีสถานที่เก็บข๎าว 2 แหํง ปริมาตรของสถานที่เก็บข๎าวเฉลี่ยประมาณ 22.90 ลูกบาศก์เมตรตํอ
10
ครัวเรือน หรือสามารถจัดเก็บข๎าวเปลือกได๎ประมาณ 13 ตัน เกษตรกรที่เก็บข๎าวไว๎ขายจะมีขนาดยุ๎งฉาง
โดยเฉลี่ยใหญํกวําเกษตรกรกลุํมที่เก็บไว๎เพื่อบริโภคหรือเป็นเมล็ดพันธุ์เทํานั้นในขณะที่เกษตรกรในพื้นที่
ชลประทานจะมียุ๎งฉางขนาดเล็กกวําพื้นที่อื่นๆ โดยยุ๎งฉางของเกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนที่ปลูกข๎าวทั่วไปมี
ขนาดใหญํที่สุด ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ดังกลําวเป็นเกษตรกรรายใหญํมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตข๎าวมากกวํา
ในพื้นที่อื่นๆ ดังนั้นจึงจ าเป็นต๎องมีสถานที่จัดเก็บข๎าวที่มีความจุและมีมาตรฐานมากกวําเกษตรกรในพื้นที่
อื่นๆ เมื่อพิจารณาอายุของยุ๎งฉางพบวํา ยุ๎งฉางที่ใช๎เก็บข๎าวหอมมะลิมีอายุเฉลี่ยประมาณ 17.26 ปี โดย
ยุ๎งฉางของเกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนที่ปลูกข๎าวหอมมะลิทั่วไปและข๎าวหอมมะลิอินทรีย์มีอายุเฉลี่ย 18.29
และ 18.41 ปี ตามล าดับ มากกวําเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานที่ยุ๎งฉางมีอายุเฉลี่ยเพียง 12.4 ปี เทํานั้น
ในขณะที่เกษตรกรที่เก็บข๎าวไว๎รอขายจะใช๎ยุ๎งฉางที่มีอายุเฉลี่ย 20.24 ปี สูงกวํากลุํมที่เก็บเข๎าไว๎บริโภคใน
ครัวเรือนหรือใช๎เป็นเมล็ดพันธุ์ โดยเกษตรกรประมาณ 50% สร๎างยุ๎งฉางภายหลังจากการสร๎างบ๎านแล๎ว
ในขณะที่ 33.08% สร๎างกํอนสร๎างบ๎าน และ 15.59% สร๎างพร๎อมกับบ๎าน ซึ่งเกษตรกรประมาณหนึ่งในสาม
ของกลุํมตัวอยํางสร๎างยุ๎งฉางกํอนสร๎างบ๎าน เนื่องจากเกษตรกรสํวนใหญํจะได๎รับมรดกที่นาจากพํอแมํในชํวง
ที่แตํงงานมีครอบครัว ซึ่งสํวนใหญํในขณะนั้นเกษตรกรยังไมํมีบ๎านเป็นของตนเอง แตํได๎ครอบครองที่นาและ
เพาะปลูกข๎าวในพื้นที่ดังกลําว จึงจ าเป็นต๎องสร๎างยุ๎งฉางเพื่อจัดเก็บข๎าวของตนเองให๎เป็นสัดสํวนจากผลผลิต
ของพํอแมํ นอกจากนี้ในสํวนของการซํอมแซมยุ๎งฉางยังพบวํา เกษตรกรประมาณ 38.3% เคยซํอมแซมยุ๎ง
ฉางโดยเกษตรกรที่เก็บข๎าวไว๎ขายจะมีสัดสํวนเกษตรกรที่เคยซํอมแซมยุ๎งฉางสูงกวําเกษตรกรที่เก็บไว๎บริโภค
ในครัวเรือน ในขณะที่เกษตรกรที่ปลูกข๎าวหอมมะลิในพื้นที่ชลประทานมีสัดสํวนของการซํอมแซมยุ๎งฉางต่ า
กวําพื้นที่อื่นๆคือมีเกษตรกรเพียง 28.33% เทํานั้นที่เคยด าเนินการซํอมแซมยุ๎งฉาง (ตารางที่ 7.2) ซึ่ง
กิจกรรมที่ด าเนินการเกี่ยวข๎องกับการอุดรอยรั่วของหลังคาที่สํวนใหญํท าจากสังกะสี บางสํวนต๎องเปลี่ยนเสา
ยุ๎งฉางจากเสาไม๎เป็นเสาปูนเพราะการท าลายของปลวก หรืออาจเปลี่ยนผนังจากไม๎เป็นสังกะสีเพราะผุพัง
เชํนกัน
ลักษณะทางกายภาพของยุ้งฉาง
ลักษณะทางกายภาพของยุ๎งฉาง หมายถึง ความสูงและวัสดุที่ใช๎ในการสร๎างยุ๎งฉางของเกษตรกร
จากการส ารวจพบวํายุ๎งฉางที่ใช๎จัดเก็บข๎าวหอมมะลิของเกษตรกรมีความสูงจากพื้นประมาณ 1.45 เมตร
ความสูงของยุ๎งฉางในกลุํมที่มีวัตถุประสงค์การจัดเก็บข๎าวตํางกันไมํแตกตํางกันมากนัก แตํความสูงของยุ๎ง
ฉางจะแตกตํางกันตามสภาพแวดล๎อมในการผลิตคือเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานมียุ๎งฉางที่มีความสูงเฉลี่ย
น๎อยที่สุดคือ 1.13 เมตรเทํานั้น ในขณะที่ความสูงของยุ๎งฉางวัดจากพื้นยุ๎งฉางถึงหลังคาซึ่งเป็นตัวแปรที่
สะท๎อนขนาดของยุ๎งฉางได๎เชํนกันพบวํา เกษตรกรที่เก็บข๎าวไว๎เพื่อขายมียุ๎งฉางที่มีความสูงจากฐานยุ๎งฉาง
1.93 เมตร สูงกวําเกษตรกรที่เก็บข๎าวไว๎บริโภคหรือเก็บไว๎เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยุ๎งฉางมีความสูงเฉลี่ย 1.05 เมตร
ซึ่งความสูงของยุ๎งฉางวัดจากพื้นยุ๎งฉางถึงหลังคาเป็นตัวแปรหนึ่งที่สะท๎อนขนาดของยุ๎งฉาง ดังที่ได๎กลําวไว๎
แล๎วในหัวข๎อที่ผํานมาคือเกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนมีขนาดพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตมากกวํา รวมทั้งมี
สัดสํวนในการจัดเก็บข๎าวมากกวํา ดังนั้นจึงมีความสูงของยุ๎งฉางวัดจากพื้นยุ๎งฉางถึงหลังคามากกวํา (ตาราง
ที่ 6.3)
ในขณะที่เกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนที่ปลูกข๎าวทั่วไปมียุ๎งฉางที่มีขนาดความสูงมากที่สุดคือ 1.68
เมตร สูงกวําเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานที่มียุ๎งฉางสูงเฉลี่ยเทํากับ 1.18 เมตรเทํานั้น จากการสัมภาณ์
เกษตรกรในพื้นที่นาน้ าฝนระบุเหตุผลที่สร๎างยุ๎งฉางที่มีความสูงมากเพื่อให๎การระบายอากาศใต๎พื้นยุ๎งฉางมี
10
รวมความจุของสถานที่จัดเก็บข๎าวทุกแหํงของครัวเรือนทั้งในยุ๎งฉางและในบ๎าน ส าหรับประมาณการปริมาณผลผลิตข๎าวของสถานที่
จัดเก็บหาจากปริมาตรของสถานที่เก็บคูณด๎วยปริมาตรข๎าวที่สามารถเก็บในยุ๎งฉางหนึ่งตัน โดยใช๎คํา bulk density ของข๎าวเทํากับ
580 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
52