Page 33 -
P. 33

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                                                                                                        33





                         ในการอนุรักษ์ดินและนํ้ามีด้วยกันหลายวิธีสามารถจัดการให้เหมาะสมกับบริบทสภาพแวดล้อม


                    ของพื้นที่เช่นการปลูกพืชแบบสลับเป็นแถว (Strip Cropping) เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับพื้นที่ลาดเท เป็น

                    การปลูกพืชตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป เช่น ข้าวโพดหรือข้าวไร่ปลูกสลับกับพืชตระกูลถั่วหรือสลับกับหญ้า

                    เป็นแนวขวางกับความลาดเทของพื้นที่ โดยความกว้างของแถวอาจขึ้นกับประเภทของดินและความ

                    ลาดเทของพื้นที่โดยอาจมีระยะเฉลี่ยประมาณ 10-30 เมตร ในการปลูกพืชสลับแถวนั้นหากปลูกพืชอายุ

                    สั้นอาจมีข้อเสียเวลาที่ฝนตกจะทําให้หน้าดินเกิดการชะล้างพังทลายหลังจากเก็บเกี่ยว หากเกษตรกร

                    สามารถหาพืชข้ามปีมาปลูกสลับกับพืชไร่จะเป็นอนุรักษ์ดินและนํ้าที่ดีกว่า(พิทักษ์ อนทะพันธ์, 2531)

                    พืชยืนต้นจะช่วยกักตะกอนดินไม่ให้ไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มซึ่งนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ดินและนํ้าแล้วหาก

                    เป็นไม้โตเร็วที่มีระบบรากลึกยังช่วยหมุนเวียนแร่ธาตุอาหารได้ดีอีกด้วย การปลูกคลุมดินหรือการใช้

                    หญ้าคลุมดินเป็นการช่วยในการรักษาความชื้นในดิน ลดปัญหาวัชพืช และยังเป็นการเพิ่มปุ๋ ยอินทรีย์ทํา


                    ให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น พืชยืนต้นตระกูลถั่วที่มีไนโตรเจนสูงเมื่อตัดคลุมดินแล้วก็จะ

                    สลายตัวเป็นการเพิ่มไนโตรเจนและปรับปรุงบํารุงดินให้ดีขึ้น การส่งเสริมปลูกพืชล้มลุกระหว่างพืชยืน

                    ต้นตระกูลถั่วทําให้ผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นจากแร่ธาตุจากการสลายตัวของอินทรีย์ที่ใส่เข้าไป

                    ดังนั้นการปลูกพืชหมุนเวียนที่หลากหลายก็ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของดินและส่งผลต่อผลผลิต

                    ทางการเกษตรที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน การปลูกข้าวสลับกับถั่วทําให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อ

                    เทียบกับการปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว (สุทธกานต์ ใจกาวิล และคณะ, 2557) การทําไร่นาสวนผสมหรือ

                    การทําการเกษตรแบบผสมผสานไม่ว่าจะเป็นปลูกพืชหลากหลาย ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เดียวกัน

                    เช่น การเลี้ยงปลาในนาข้าว เลี้ยงผึ้งในสวนผลไม้  ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทําให้เกิดประสิทธิภาพในการ

                    ผลิตโดยการอาศัยการเกื้อกูลกันตามระบบนิเวศวิทยา จากงานวิจัยพบว่าการเลี้ยงปลา และแหนแดง


                                                                                                         1
                    (Azolla)ในนาข้าวสามารถเพิ่มผลผลิตทั้งข้าวและปลาได้สูงเมื่อเทียบกับการปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว0
                    เมื่อเกษตรกรได้นําแหนแดงมาเลี้ยงในนาข้าวเป็นการเพิ่มไนโตรเจนให้กับต้นข้าว ผลผลิตข้าวจะได้





                         1  แสดงปริมาณผลผลิตข้าวและปลาในช่วงฤดูแล้งของปี 2531 (กรณีศึกษานาข้าว อ. พิบูลย์มังสาหาร จังหวัด อุบลราชธานี)โดย
                          1.การผสมผสานระหว่าง ข้าว+ ปุ๋ ย ( 6 – 6 – 4 ) จะได้ข้าวเปลือก 160 กก./ไร่ และ ปลา 0 กก./ไร่
                         2.การผสมผสานระหว่าง ข้าว + แหนแดง + ปุ๋ ย ( 0 – 6 – 4 )จะได้ข้าวเปลือก 291 กก./ไร่ และ ปลา 0 กก./ไร่
                         3.การผสมผสานระหว่าง ข้าว + ปลา + ปุ๋ ย ( 6 – 6 – 4 ) จะได้ข้าวเปลือก 291 กก./ไร่ และ ปลา 46 กก./ไร่
                         4. การผสมผสานระหว่าง ข้าว + แหนแดง + ปลา + ปุ๋ ย ( 0 – 6 – 4 ) จะได้ข้าวเปลือก 315 กก./ไร่ และ ปลา 84.3 กก./ไร่
                         หมายเหตุ (x-x-x.) คือ N – P2O5 – K2O กิโลกรัมต่อไร่  ที่มา : ประยูร สวัสดี และคณะ 2531, หน้า 42
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38