Page 32 -
P. 32

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                                                                                                        32





                    ที่ทนแล้งก็ช่วยในเรื่องการจัดการนํ้าเช่นเดียวกัน อาทิ ข้าวทนแล้ง ข้าวดอกมะลิ 105  กข 6 กข 8 กข 15


                    หางยี 71 พัทลุง 60 พันธุ์ถั่วเขียวอู่ทอง 1 พันธุ์ถั่วลิสง สข 38 พันธุ์อ้อยชัยนาท 1 หรือปลูกมะละกอ ข้าว

                    ฟ่างหวาน งาดํา พืชไร่ และพืชตระกูลถั่ว (Organic, 2559)


                         ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในเชิงของต้นทุนของระบบนิเวศธรรมชาติที่อยู่ในเขตร้อนชื้น มี

                    ความอุดมสมบูรณ์ของดินตามธรรมชาติซึ่งเหมาะสมต่อการเกษตรกรรม ทว่าความเสื่อมโทรมและการ


                    สูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดินก็เป็นปัญหาที่พบเห็นกันในระยะหลังของประเทศไทย ส่วนหนึ่งนั้น

                    มาจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในวงกว้างโดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักและขาดการจัดการที่ดี

                    การปลูกพืชในลักษณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อม เช่น การใช้

                    สารเคมีทางการเกษตรเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดินส่งผลให้เกิดการตกค้างของสารเคมีในดินและนํ้า

                    และต้นทุนทางการเกษตรที่สูงขึ้น แม้ว่าจะมีการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์เพื่อเป็นทางเลือกในการทํา

                    การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแต่ทว่าการทําเกษตรอินทรีย์เพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็น

                    หลักประกันผลผลิตทางการเกษตร ยังคงมีเรื่องการติดโรค ศัตรูพืช คุณภาพของพันธุ์พืช ดินที่ไม่อุดม

                    สมบูรณ์ และขาดแรงงานในการทําการเกษตร (Diamond, 2011) ทางออกหนึ่งที่จะช่วยในการพัฒนา

                    คุณภาพของดิน ที่ดิน ตลอดจนการใช้นํ้าคือการปลูกพืชหลากหลาย (crop diversification) สนับสนุน


                    โดยงานของ Pingali (2004) ที่ชี้ให้เห็นว่าการปลูกพืชที่หลากหลายมีนัยยะสําคัญในการช่วยลดปัญหา

                    ความยากจนหรือช่วยในการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะสําหรับครัวเรือนเกษตรกรรายย่อย และยังเป็น

                    การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรดินหรือทรัพยากรนํ้า (FAO/RAP, 2000) ซึ่ง

                    สอดคล้องกับผลการศึกษาของ Kar et al. (2004) ที่พบว่าความหลากหลายของพืชสามารถใช้เป็น

                    ตัวชี้วัดหนึ่งในการลดปัญหาความแห้งแล้ง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้นํ้าในไร่นา ในขณะเดียวกันก็ยัง

                    ช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่อีกด้วย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับงานวิจัยของ กุลวดี แก่นสันติสุขมงคล และ

                    คณะ (2555) ที่ใช้การประเมินด้วยโมเดล DPSIR (Driver-Pressure-State-Impact-Response) พบว่าความ

                    หลากหลายของแหล่งอาหารและรูปแบบการทําการเกษตรที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการทําไร่

                    หมุนเวียนหรือการทําการเกษตรแบบผสมผสานรวมทั้งการทําการเกษตรปลอดสารเคมีเป็นส่วนหนึ่งที่


                    จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตครัวเรือนเกษตรกร
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37