Page 57 -
P. 57

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





               เพราะอาจไม่มีช่องว่างในตลาดมากพอให้ธุรกิจนี้เข้าไปแข่ง เช่น ในกรณีที่ธุรกิจนี้ต้องเข้าไปแข่งขันเพื่อแย่ง

               ฐานลูกค้าที่คุ้นชินกับระบบการแจกฟรีของรัฐ เช่น การแจกต้นกล้าฟรี นอกจากนี้ ในการปลูกพืชบางชนิดเพื่อ
               ตลาดเฉพาะ จําเป็นอย่างยิ่งที่เกษตรกรต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากพอที่จะสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้

               เช่น บริษัท KCT  ที่ต้องการให้เกษตรกรริเริ่มการผลิตมันฝรั่ง บริษัทต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการ

               เอาชนะความระแวงหรือคลางแคลงใจของเกษตรกรที่เกิดจากความล้มเหลวจากการเข้าร่วมโครงการกับ
               ภาครัฐในอดีต และต้องทุ่มเทในการให้ความรู้ด้านการรักษาเมล็ดพันธุ์ การปลูกและเก็บเกี่ยวมาก นอกจากนี้

               ยังมีข้อจํากัดที่เกี่ยวกับการขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากธุรกิจนี้ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนสูงให้กับบุคลากรได้
               ต้องพึ่งพิงการดึงบุคลากรที่เห็นคุณค่าของงานลักษณะนี้เท่านั้น

                       อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินโอกาสในการแข่งขันของรูปแบบธุรกิจเกษตรที่เป็นลักษณะกิจการเพื่อสังคม

               ธุรกิจลักษณะนี้มักจะใช้แนวทางการทําตลาดเฉพาะ เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือกลุ่มชายขอบ มีส่วน
               แบ่งกําไร (margin)  น้อย และไม่ต้องแข่งขันรุนแรงกับธุรกิจที่แสวงหากําไรทั่วไป (mainstream  business)

               เช่น การขายเครื่องมือหรือระบบน้ําให้กับเกษตรกรรายได้น้อย หรือเป็นตลาดที่ภาครัฐไม่สามารถเข้าไปดูแล
               อย่างทั่วถึงหรือยังไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การให้บริการช่วยเหลือด้านเทคนิคเมื่อต้องเริ่มการปลูกพืชชนิดใหม่

               ในพื้นที่ หรือ การดูแลระบบชลประทาน คลองส่งน้ํา การดูแลโรงสีของชุมชน นอกจากนี้ในตลาดที่เกี่ยวกับ

               การผลิตสินค้าที่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเริ่มต้นผลิตผักอินทรีย์ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การจัดการศัตรูพืช
               แบบไม่ใช้สารเคมี

                       2)  กรณีศึกษา: กิจการเพื่อสังคมภายใต้โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย

                       กาแฟอินทรีย์รักษาป่าแบรนด์ “มีวนา (Mivana)”  เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการกาแฟ
               อินทรีย์รักษาป่า ริเริ่มโครงการขึ้นโดยมูลนิธิสายใยแผ่นดิน (Earth Net Foundation: ENF) โดยมีเป้าหมาย

               เพื่อลดปัญหาการตัดไม้ทําลายป่าและลดปัญหามลพิษจากสารเคมีการเกษตรในบริเวณเขตป่าต้นน้ําแม่ลาว แม่
               สรวย และแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย การดําเนินงานของโครงการจะเน้นการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่

               สามารถใช้ชีวิตอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน โดยเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนในรูปของรายได้จากการขายผลผลิต

               ให้กับโครงการ
                       มูลนิธิสายใยแผ่นดินก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมขึ้นภายใต้ชื่อบริษัท กรีนเนท เอสอี จํากัดเพื่อเป็นตัวแทน

               ในการบริหารจัดการกิจการอย่างครบวงจรตลอดสายห่วงโซ่อุปทาน โดยบริษัทจะเข้ามาช่วยดูแลตั้งแต่การ
               ส่งเสริมมาตรฐานการผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การซื้อขายผลผลิตของเกษตรกร และการตลาด เป็นการ

               สร้างหลักประกันและความมั่นคงในระยะยาวให้แก่เกษตรกรในพื้นที่

                       วิธีการดําเนินงานของบริษัท จะเริ่มจากการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่รวมกลุ่มกัน จากนั้นบริษัทก็
               จะเข้ามาช่วยส่งเสริมในเรื่องขององค์ความรู้ผ่านการจัดอบรมการทํากาแฟอินทรีย์ การจัดระบบมาตรฐาน

               กาแฟอินทรีย์แบบ PGS (Participatory Guarantee System) การพัฒนาระบบการรับซื้อผลผลิต ระบบการ

               แปรรูป ระบบการจัดเก็บและการจัดส่งสินค้า อันนําไปสู่การพัฒนาไปเป็นธุรกิจชุมชนที่มีระบบการค้าที่เป็น
               ธรรม (Fair trade) และมีระบบการคืนผลกําไรสู่ชุมชนในรูปแบบของเงินพรีเมี่ยม (Fair Trade Premium) ซึ่ง




                                                           3-14
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62