Page 59 -
P. 59

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





               จัดการที่ทําให้ทํางานได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงปัจจุบันมูลนิธิโครงการหลวงมีสถานีวิจัย 4    แห่งและศูนย์

               พัฒนาโครงการหลวงกระจายอยู่ตามพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยาและลําพูน รวม
               ทั้งหมด 38 ศูนย์ พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การพัฒนาของโครงการถึง 149,257.12 ไร่ส่วนใหญ่อยู่บนเทือกเขา สูงจาก

               ระดับน้ําทะเล 700 เมตรขึ้นไป มีเกษตรกรที่อยู่ในโครงการกว่า 151,277 คนหรือกว่า 30,000 ครัวเรือน ซึ่งมี

               ทั้งที่เป็นคนเมืองและชาวเขากว่า 13  เผ่า ทํางานทั้งด้านการวิจัยพัฒนาทั้งพันธุ์พืชและสัตว์ที่เหมาะสมกับแต่
               ละพื้นที่

                       กระบวนการทํางานที่มูลนิธิโครงการหลวงให้ความสําคัญมากที่สุดคืองานวิจัย โดยเริ่มตั้งแต่งานวิจัย
               เพื่อคัดเลือกพันธุ์พืชและสัตว์ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ วิธีการปลูกและการจัดการพืช ดิน ศัตรูพืช การเก็บ

               เกี่ยว การแปรรูปผลิตภัณฑ์ อีกทั้งงานวิจัยด้านต้นทุนการผลิต การตลาด การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ

               งานด้านสังคม การศึกษา งานวิจัยได้พัฒนาต่อเนื่องเป็นงานส่งเสริมและพัฒนาในองค์รวมเพื่อยกระดับ
               คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ นอกจากนี้โครงการหลวงให้ความสําคัญมากกับคุณภาพผลผลิตที่ได้มาตรฐาน

               ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชตามระบบเพาะปลูกที่ดี (GAP)  ให้ผลผลิตปลอดภัยจากสารเคมีและไม่เกิดผล
               กระทบกับแหล่งน้ําหรือพื้นที่ปลูก พัฒนาขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์สารตกค้างและระบบการจัดการคุณภาพ

               ให้ความเชื่อมั่นด้านอาหารปลอดภัยและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผลผลิตที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทั้ง 38  แห่ง

               รวบรวมจากเกษตรกรในพื้นที่จะถูกส่งมายังศูนย์ผลิตผลโครงการหลวงซึ่งทําหน้าที่คัดบรรจุ และมีส่วนที่แยก
               ส่งไปยังโรงงานอาหารแปรรูปที่เชียงใหม่ ตลอดขั้นตอนการคัดบรรจุ และการแปรรูปเน้นการควบคุมคุณภาพ

               ตามมาตรฐาน GMP และ HACCP

                       งานที่มีบทบาทมากต่อความสําเร็จของโครงการหลวงคือการตลาด ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2524 โดยเน้น
               ส่งผลผลิตพืชเมืองหนาวของเกษตรกรออกจําหน่าย จนปัจจุบันระบบการตลาดของโครงการเป็นระบบครบ

               วงจรเน้นสินค้าคุณภาพสูงปลอดภัยจากสารตกค้าง โครงการหลวงมีทั้งร้านค้าของตนเองและมีช่องทางการจัด
               จําหน่าย กระจายไปตามไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีสาขาควบคุมทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มโรงแรม

               และร้านอาหาร

                       มูลนิธิโครงการหลวงถือเป็นโครงการแรกของโลกที่ประสบความสําเร็จในการขจัดพื้นที่ปลูกฝิ่นด้วยวิธี
               ที่สร้างสรรค์ผ่านแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในที่สูงอย่างเหมาะสม จนสามารถทําให้ชาวเขาหันมา

               ปลูกพืชเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น แนวทางการดําเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงได้รับการยอมรับจาก
               องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลก การพัฒนาตามต้นแบบของโครงการหลวงได้ขยายไปยังประเทศต่างๆ เช่น

               ภูฏาน อัฟกานิสถาน โคลัมเบีย และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย

                       สําหรับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงนั้น เริ่มดําเนินงานพัฒนาพื้นที่สูงตั้งแต่เมื่อยังมีสถานะเป็นกอง
               พัฒนาเกษตรที่สูง สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งในปี พ.ศ. 2535 เพื่อทําหน้าที่ประสานงานและรับ

               โอนงานบางส่วนจากมูลนิธิโครงการหลวง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นสํานักพัฒนาเกษตรที่สูงจนกระทั่งรัฐบาลมี

               นโยบายที่จะสนับสนุนการขยายผลของการโครงการหลวงสู่พื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารอื่นๆ ต้องการ
               หน่วยงานที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างกว้างขวางและคล่องตัวในการดําเนินงาน จึงมีพระราชกฤษฎีกา

               จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ขึ้นในปี พ.ศ. 2548  สวพส. มีภารกิจ

                                                           3-16
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64