Page 51 -
P. 51
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สําหรับมิติของภาระความเสี่ยงที่เกษตรกรต้องเผชิญพบว่า กลุ่มจะใช้การรวมความเสี่ยงของสมาชิก
เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสามารถช่วยลดภาระความเสี่ยงทางการเงินส่วนบุคคลของเกษตรกรรายย่อย ส่วนในด้านของ
การแบกรับภาระต้นทุนและการแบ่งผลประโยชน์พบว่า ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจจะมี
มูลค่าสูงขึ้นตามจํานวนสมาชิกหรือผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มขนาดใหญ่มักจะประสบปัญหาด้าน
ระบบบัญชีที่มีความยุ่งยากซับซ้อนและขาดความชัดเจนในการแจกแจงรายละเอียดของเงินทุนหมุนเวียน
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ และการจัดสรรผลประโยชน์ให้สมาชิกในรูปของเงินปันผลได้
ทั้งนี้ พบว่ารูปแบบการรวมกลุ่มของเกษตรกรนั้นเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง โดยมากการรวมกลุ่ม
ของเกษตรกรจะมุ่งเน้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการการผลิต การขนส่งและการขาย ตลอดจน
เพื่อส่งเสริมการตลาดและเพิ่มอํานาจต่อรองให้แก่เกษตรกรอีกด้วย
ข้อดีของรูปแบบธุรกิจนี้คือ ระบบกลุ่มช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและสภาพคล่องทางการเงินเพิ่ม
มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดให้แก่เกษตรกรรายย่อย รวมไปถึงยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการ
บริหารจัดการแผนการผลิตและเพิ่มอํานาจในการต่อรองให้แก่กลุ่มสมาชิกเกษตรกร
สําหรับข้อจํากัดของรูปแบบธุรกิจนี้พบว่า ในกรณีที่สมาชิกในกลุ่มมีความเห็นที่ไม่เป็นไปในทาง
เดียวกันหรือมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเกิดขึ้นในกลุ่ม จะส่งผลให้การลงมติหรือการตัดสินใจร่วมกันทางธุรกิจ
กระทําได้ยาก และสมาชิกอาจต้องเผชิญความเสี่ยงจากการดําเนินธุรกิจผ่านโครงสร้างของบริษัทที่มีกรอบการ
ดําเนินงานที่ซับซ้อนเช่น ความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่ชัดเจนของระบบบัญชี และการถูกครอบงําโดยกลุ่มผู้นํา
หรือผู้มีสถานะได้เปรียบในท้องถิ่น เป็นต้น
กรณีตัวอย่าง : Kieni Dairy Products Limited ประเทศเคนย่า
Kieni Dairy Producte Limited (KDPL) เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มย่อยๆ ของเกษตรกร
ในปี ค.ศ. 1995 โดยมีการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยจํานวน 6 กลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อก่อตั้งเป็นกิจการ
วิสาหกิจขนาดเล็ก (Small-scale farmer owned business) การก่อตั้งบริษัท KDPL มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ส่งเสริมให้กลุ่มมีความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพสมาชิกในการดําเนินธุรกิจประเภทฟาร์มโคนม ตลอดจน
มุ่งส่งเสริมให้กลุ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนมและเข้าสู่การแข่งขันในตลาดเฉพาะ
กลุ่ม (Niche market dairy products) การวางแผนการผลิตและการบริหารจัดการของบริษัทจะดําเนินการ
ผ่านคณะกรรมาธิการจํานวน 13 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเลือกมาจากสมาชิกผู้ถือหุ้น (EADD, 2009อ้างถึงใน
V l d C t l 2010)
3-8