Page 45 -
P. 45

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





               บุคคลภายนอกเป็นเจ้าของเพื่อทําการเกษตร (tenant/sharing  cropping)  การร่วมทุน (joint  venture)

               เกษตรกรเป็นเจ้าของธุรกิจเอง (farmer-owned business) เช่น วิสาหกิจชุมชน และการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้
               ซื้อผู้ขายโดยตรง (upstream/downstream  business  link)  อย่างไรก็ดีการแบ่งลักษณะรูปแบบธุรกิจใน

               ลักษณะนี้เป็นการแบ่งกลุ่มแบบหยาบๆ เท่านั้น เนื่องจากในความเป็นจริง แต่ละชุมชนอาจมีการผสมผสาน

               หลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เพื่อให้เหมาะสมกับชุมชนมากที่สุด
                       ในส่วนถัดไป ผู้วิจัยจะประมวลข้อดีและข้อจํากัดของแต่ละรูปแบบธุรกิจผ่านการพิจารณาใน 4  มิติ

               ได้แก่ 1) มิติด้านการแบกรับความเสี่ยงด้านการผลิต 2) มิติการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางธุรกิจ 3) มิติการ
               เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและ 4)  มิติการแบ่งปันผลประโยชน์และภาระต้นทุน อย่างไรก็ดี เนื่องจากงานวิจัย

               ชิ้นนี้ต้องการศึกษาความสัมพันธ์ของรูปแบบธุรกิจกับตัวแปรที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของชุมชน ในการทบทวน

               วรรณกรรมทั้งของประเทศไทยและในต่างประเทศ จึงเน้นไปที่รูปแบบธุรกิจหรือข้อตกลงที่ยังให้เกษตรกรราย
               ย่อยเป็นผู้เล่นที่สําคัญ ผู้วิจัยจึงจะไม่กล่าวถึงกรณีการทําสัญญาให้บุคคลภายนอกมาเช่าที่เพื่อผลิตหรือบริหาร

               (lease/management       contract) และการไปขอเช่าที่ที่บุคคลภายนอกเป็นเจ้าของเพื่อทําการเกษตร
               (tenant/sharing cropping)  เนื่องจากสิทธิ์ในการถือครองที่ดินอย่างชัดเจนของเกษตรกรมีความสําคัญมาก

               สําหรับรูปแบบธุรกิจทั้งสองแบบนี้ รูปแบบการทําสัญญาให้บุคคลภายนอกมาเช่าที่ดินของเกษตรกรเพื่อบริหาร

               จัดการหรือทําการผลิตบนพื้นที่ สิทธิ์การถือครองที่ดินถือเป็นเครื่องมือต่อรองที่สําคัญของเกษตรกร
               เช่นเดียวกับกรณีเกษตรกรไปเช่าที่ที่เป็นของบุคคลภายนอกหรือบริษัทการเกษตรเพื่อทําการเกษตร นั่น

               หมายถึงว่าภาครัฐต้องให้สิทธิการถือครองที่ดินบนที่ชันในลักษณะปัจเจกมีการซื้อขายได้ แม้ทั้งสองรูปแบบนี้

               จะมีปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายสําหรับการเกษตรในพื้นที่ราบแต่ก็ไม่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่สูงซึ่งโดยมาก
               เกษตรกรจะประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ตนไม่มีเอกสารสิทธิ์ นอกจากนี้ ผู้วิจัยจะไม่กล่าวถึงรูปแบบการกว้านซื้อ

               ที่ดินจํานวนมาก (large-scale  acquisition)เช่น การให้บริษัทการเกษตรหรือนายทุนภายนอกมาซื้อที่ขนาด
               ใหญ่ซึ่งรวมจากของเกษตรกรหลายรายเพื่อการผลิตในระยะเวลาที่ยาวนานมาก เนื่องจากขัดกับหลักกฎหมาย

                                                                 52
               ของไทยที่ห้ามชาวต่างชาติซื้อและครอบครองที่ดินโดยตรง  และขัดกับหลักการการสร้างความยั่งยืนให้กับ
               ชุมชน เพราะสิ่งที่ชุมชนจะได้กลับมาเป็นเพียงการจ้างงานในราคาถูกแต่ต้องสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่ การ
               ใช้น้ําและทรัพยากร ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงทางอาหารและถือเป็นการทําลายวัฒนธรรม

                                                                      53
               การเกษตรในพื้นที่ ไม่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ให้เกษตรกรได้


               52 การลงทุนภาคเกษตรกรของนักลงทุนต่างชาติในหลายภูมิภาคทั่วโลกมักจะครอบครองที่ดินในลักษณะการเช่าซื้อระยะยาว
               เช่น 50  ปี หรืออาจยาวนานถึง 99  ปี มากกว่าเป็นการซื้อขาด ทั้งนี้เพราะหลายประเทศมีกฎหมายห้ามชาวต่างชาติซื้อและ
               ครอบครองที่ดินโดยตรง และไทยก็เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่บังคับใช้กฎหมายนี้ อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อชุมชนในกรณีการ

               เช่าที่ดินระยะยาวก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อและเป็นเจ้าของที่ดินโดยตรงเพราะระยะเวลาการเช่านั้นยาวนานมาก
               53
                 ดูตัวอย่างใน Poulton et al., 2008; Vermeulen and Cotula, 2010และLiu, 2014ชี้ว่า การลงทุนเกษตรในลักษณะการ
               เข้าไปถือครองที่ดินขนาดใหญ่มักส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อชุมชนท้องถิ่นที่รับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่สิทธิ

               เรื่องที่ดินของชุมชนท้องถิ่นขาดความชัดเจน การปกครองและการบริหารอ่อนแอ ชุมชนท้องถิ่นจะไม่สามารถเข้าถึงการใช้
               ทรัพยากรจนความเป็นอยู่แย่ลง เกิดการต่อต้านกับรัฐบาลที่อนุญาตให้เกิดการลงทุน
                                                           3-2
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50