Page 214 -
P. 214
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาดอาศัยสินค้าของพื้นที่เดียวกันที่มีชื่อเสียงในตลาดอยู่แล้วใน
การสร้างโอกาสให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น เช่น พื้นที่ที่มีชื่อเสียงจากคุณภาพกาแฟอยู่แล้ว ก็
สามารถดึงบริการด้านท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นหรือในทางกลับกัน พื้นที่ที่เป็นที่ยอมรับ
ด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็สามารถพัฒนาสินค้าเกษตรจากพื้นที่ให้ได้รับการรับรองจากพื้นที่เอง
ภายใต้มาตรฐาน landscape labeling เดียวกัน นอกจากนี้ขั้นตอนการดําเนินการของ
landscape labeling ทําให้คนที่เกี่ยวข้องในชุมชนได้ตระหนักถึงคุณค่าที่ชุมชนมีร่วมกัน ริเริ่ม
การจัดตั้งและพัฒนาระบบมาตรฐานและการตรวจสอบกันเองภายในชุมชนจากที่ไม่เคยมี ซึ่งจะ
ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพสินค้าต่อไป
อย่างไรก็ดี การนําแนวคิด landscape labeling ไปประยุกต์ใช้จริงก็มีอุปสรรคหลาย
ด้าน แม้ในกรณีที่เกษตรกร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในชุมชนตระหนักถึงประโยชน์ของวิธีการนี้ แต่
เกษตรกรจําเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในลักษณะบริการการเกษตรหลายอย่างโดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในช่วงเริ่มต้น โครงสร้างพื้นฐานของชุมชนที่ช่วยในการแปรรูปขั้นต้น การรักษาคุณภาพหลัง
เก็บเกี่ยวและตลอดจนการขนส่ง ความรู้ในการทําตลาด เป็นเรื่องสําคัญที่กําหนดว่าเกษตรกรจะ
ได้รับประโยชน์จากวิธีการนี้อย่างแท้จริงหรือไม่ แต่การที่เกษตรกรต้องดึงความช่วยเหลือจาก
ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้จากภายนอกมาช่วยพัฒนาทักษะอาจมีต้นทุนสูงและจําเป็นที่ต้องได้รับการ
สนับสนุนจากองค์กรหรือหน่วยงานภายนอก
อุปสรรคที่สําคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งพบว่ามีผลมากในพื้นที่ที่ทดลองใช้แนวคิดนี้ เกษตรกรที่
ไม่มีสิทธิ์ถือครองหรือสิทธิ์การใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ชัดเจนมักจะขาดแรงจูงใจในการพัฒนาที่ดิน
หรือลงทุนปรับเปลี่ยนการทําเกษตรให้เป็นไปตามแนวทางที่สร้างความยั่งยืน ปัญหานี้เป็น
อุปสรรคต่อการขยายกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมเข้ามาอยู่ในระบบ landscape labeling และเมื่อ
ปริมาณสินค้าไม่มากพอและขาดความแน่นอนก็จะไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากบริษัท
ปลายทางขนาดใหญ่ที่ต้องการซื้อสินค้าจํานวนมากจากแหล่งผลิตที่ยึดแนวทางความยั่งยืน
4) การแปรรูป ในกรณีที่สินค้ามีคุณลักษณะเหมาะต่อการแปรรูปและสามารถเพิ่มมูลค่าได้ การแปร
รูปเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนต่อไร่ให้เกษตรกร เช่น ในกรณีของกาแฟ เกษตรกร
สามารถแปรรูปกาแฟสดผ่านการกระเทาะเปลือก ตากกะลา สีกะลา คั่วสารกาแฟ จนกระทั่ง
สามารถขายในรูปเมล็ดกาแฟคั่วซึ่งมีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าการขายเมล็ดกาแฟสดอย่างมาก เช่น เมล็ด
กาแฟเชอร์รี่สายพันธุ์ Catimor ซึ่งรับซื้อที่ราคา 25 บาทต่อเมล็ดกาแฟสด 1 กก. สามารถนําไป
แปรรูปเป็นเมล็ดกาแฟคั่วขายได้ในราคา 800 บาทต่อเมล็ดกาแฟคั่ว 1 กก. โดยเมล็ดกาแฟคั่วมี
ต้นทุนผันแปรประมาณ 400 บาทต่อ กก. และมาจากเมล็ดกาแฟเชอร์รี่ประมาณ 8 กก. นั่น
หมายความว่าหากเกษตรกรสามารถพัฒนาศักยภาพจนเข้าการแปรรูปได้เองก็สามารถสร้าง
มูลค่าเพิ่มอีกเกือบ 50 บาทต่อเมล็ดกาแฟเชอร์รี่ 1 กก. ได้ อย่างไรก็ดี กลไกจําเป็นที่ทําให้การ
แปรรูปสินค้าในชุมชนเกิดขึ้นได้คือองค์ความรู้ ทักษะ การลงทุน และการรวมกลุ่มของเกษตรกร
เพราะการลงทุนกับขั้นตอนแปรรูปจําเป็นที่ต้องเริ่มจากปริมาณวัตถุดิบที่มากพอ มีคุณภาพ
8-7