Page 213 -
P. 213

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





                                 การลดต้นทุนที่เกิดจากการขนส่งระยะไกลอาจทําได้ด้วยการเจาะตลาดท้องถิ่น เช่น

                          โรงเรียน หรือหน่วยราชการ หรือโรงแรม อย่างไรก็ดี ประเด็นการความเข้มแข็งของกลุ่มเพื่อให้ได้
                          ปริมาณขายที่สม่ําเสมอจะเป็นปัจจัยสําคัญ

                       3)  การเจาะตลาดที่ให้คุณค่ากับสินค้าจากพื้นที่อ่อนไหวหรือพื้นที่ที่มีความพิเศษทางนิเวศ เกษตรกร

                          สามารถเลือกผลิตสินค้าและขายให้กับลูกค้าที่ให้คุณค่ากับสินค้าที่มาจากพื้นที่อ่อนไหวหรือพื้นที่
                          ที่มีความเฉพาะเจาะจงทางนิเวศ โดยมีจุดขายสําคัญคือเรื่องราวเฉพาะที่เกิดขึ้นกับพื้นที่หรือ

                          ภูมิศาสตร์นั้น และคุณค่าของการเลือกแนวทางการเกษตรที่เอื้อกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดย
                          ตลาดที่ให้ความสําคัญกับพื้นที่หรือนิเวศในลักษณะนี้มีส่วนช่วยทําให้เกษตรกรรายย่อยมีรายได้

                          เพียงพอจากการผลิตในพื้นที่ขนาดเล็ก

                                 ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาแนวทางที่เรียกว่า landscape  labeling  ซึ่งเป็น
                          การต่อยอดและผสมผสานแนวคิดการจ่ายเงินค่าตอบแทนบริการระบบนิเวศ (Payment  for

                          ecosystem services, PES)  ระบบการติดฉลาก (Labeling)  และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
                          (Geographical identification, GI) เข้าด้วยกัน เพื่อให้เหมาะกับการนําไปใช้ในพื้นที่ที่

                          ความสําคัญเชิงนิเวศและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องเป็นเกษตรกรรายย่อย โดยกลไก Landscape

                          labeling  สามารถแก้ไขข้อจํากัดเดิมของ PES  ที่เน้นไปที่การทําสัญญากับเจ้าของที่ดินรายใหญ่
                          เป็นรายๆ ไป ทําให้ PES  ไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนในชุมชนได้ ในขณะที่ Landscape

                          labeling    เน้นการดําเนินการผ่านองค์กรชุมชน สมาชิกทุกคนในชุมชนมีสิทธิ์เข้าร่วม เงิน

                          ค่าตอบแทนจะได้จากการให้บริการเชิงนิเวศและสินค้าที่ผลิตจากชุมชน และจ่ายค่าตอบแทนผ่าน
                          สถาบันชุมชน ใช้แนวทางการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานจากภายในชุมชนเอง หรือ ระบบ

                          Participatory Guarantee System  หรือ PGS  ในปัจจุบัน มีการทดลองใช้แนวทางนี้กับ
                          เกษตรกรรายย่อยในบางพื้นที่ของประเทศเคนยาและแทนซาเนียเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในทาง

                          ปฏิบัติ โดยเริ่มจากขั้นตอนการให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการ landscape  labeling  การวิเคราะห์

                          ตลาด การสร้างศักยภาพเกษตรกร การกําหนดมาตรฐานสินค้า การออกแบบฉลากเฉพาะของ
                          พื้นที่ การพัฒนาแผนธุรกิจ ตลอดจนการทดลองตลาด

                                 บทเรียนสําคัญที่ได้จากการทดลอง (pilot)  คือ แม้ Landscape labeling  น่าจะ
                          สามารถสร้าง price  premium  ได้ในระยะยาวแต่ก็ไม่แน่นอน และต้องการต้นทุนในการเริ่ม

                          ก่อตั้งและความพยายามของเกษตรกรสูง แม้จะมีองค์กรภายนอกสนับสนุนทุนตั้งต้นให้ระดับหนึ่ง

                          แต่การที่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินลงทุนมากนัก ทําให้เกษตรกรมุ่งหวังผลตอบแทนอย่าง
                          รวดเร็วจากการทํา landscape  labeling  จุดนี้จึงเป็นความท้าทายอย่างมากของการดําเนิน

                          แนวทางนี้ การพยายามให้เกษตรกรตระหนักถึงประโยชน์ทางอ้อมที่เกิดขึ้นในระยะสั้นจากการทํา

                          landscape labeling จึงมีความสําคัญ เช่น วิธีการนี้สามารถเชื่อมคนในชุมชนที่มีความเกี่ยวข้อง
                          ในสายห่วงโซ่การผลิตนําไปสู่โอกาสในการลดต้นทุนและแลกเปลี่ยนความรู้ในดําเนินการผลิตให้มี

                          ประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนต่ําลง landscape  labeling  ยังเปิดโอกาสให้สินค้าหรือบริการที่


                                                           8-6
   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218