Page 183 -
P. 183
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในระยะตั้งต้น รูปแบบธุรกิจการเกษตรที่พบในพื้นที่เกือบทั้งหมดจะเป็นแบบดั้งเดิม นั่นคือมีพ่อค้าเข้า
ไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยพ่อค้าจะเป็นคนกําหนดราคาผลผลิตและเกษตรกรแต่ละรายจะขาย
ผลผลิตให้พ่อค้าแยกกัน ซึ่งรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมนี้มีส่วนทําให้เกษตรกรขาดอํานาจต่อรองและประสบ
ปัญหาต่างๆ ดังที่ได้แสดงไว้ในบทที่ 4
ทั้งนี้ ในบางพื้นที่ที่มีความเหมาะสม มีบริษัทหรือพ่อค้ารับซื้อได้เข้าไปทําสัญญาให้เกษตรกรผลิต
ผลผลิตบางอย่างที่ตนเองต้องการ โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตที่ต้องมีกระบวนการผลิตโดยเฉพาะ ต้องมีการ
ดูแลให้ได้มาตรฐานที่ตั้งไว้ เช่น การผลิตเมล็ดพันธุ์ต่างๆ และบริษัทจะเลือกเกษตรกรบางรายที่มีคุณสมบัติ
ตามที่ต้องการ เช่น มีทักษะในการทําเกษตร สามารถดูแลกระบวนการผลิตได้ตามที่ต้องการ ในการดําเนินงาน
นี้ ทําให้เกษตรกรบางส่วนสามารถหลุดพ้นจากรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมที่มีความไม่แน่นอนและการแย่งกัน
ขายสินค้าระหว่างเกษตรกรด้วยกันเองได้ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละพื้นที่ จะมีเกษตรกรที่ได้ทําสัญญากับพ่อค้า
เพียงจํานวนไม่มาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากบริษัทมีเจ้าหน้าที่ที่ทําการติดตาม
ตรวจสอบดูแลจํานวนไม่มาก จึงต้องเลือกพื้นที่ให้เหมาะกับการเดินทางและตรวจสอบ นอกจากนี้การเลือก
เกษตรกรจากหลายพื้นที่ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทด้วย ดังนั้น การพัฒนารูปแบบธุรกิจใน
ลักษณะพันธะสัญญารายย่อยจึงเกิดขึ้นในลักษณะวงแคบ เฉพาะเจาะจงที่เกษตรกรบางราย และมีจํานวน
ค่อนข้างจํากัดตามลักษณะผลผลิตที่พ่อค้าต้องการและลักษณะของเกษตรกรที่เข้าข่ายตามที่บริษัทต้องการ
การพัฒนาอีกแนวทางหนึ่งจะเริ่มที่การรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเพิ่มอํานาจต่อรองในการ
ขายผลผลิตของตนเอง โดยส่วนใหญ่จะเริ่มที่การรวมกลุ่มเพื่อขายผลผลิตเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามพบว่า
เกษตรกรที่ต้องการรวมกลุ่มในพื้นที่เองมักจะประสบกับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากพ่อค้ารับซื้อที่พยายามตั้ง
ราคาให้เกษตรกรแยกตัวจากกลุ่มออกมาขาย จากตัวสมาชิกเกษตรกรในกลุ่มเองที่ยังเห็นประโยชน์ของตนเอง
มากกว่าประโยชน์ของกลุ่มหรือให้ความสําคัญกับประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าประโยชน์ในระยะยาว หรือการ
ขาดผู้นําและผู้ที่ทําหน้าที่ในการเชื่อมโยงตลาดซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญในการรวมกลุ่มให้ประสบ
ความสําเร็จ ทั้งนี้ มีพื้นที่จํานวนไม่มากนักที่เกษตรกรประสบความสําเร็จในการรวมกลุ่มด้วยตัวเองโดยรัฐไม่
ต้องช่วยผลักดันมากนัก โดยกลุ่มที่สําเร็จส่วนใหญ่จะต้องมีผู้นําที่มีความรู้ในด้านตลาด สามารถเชื่อมโยงพื้นที่
กับตลาดที่ไกลออกไปได้ หรืออาจจะเคยเห็นบทเรียนที่ประสบความสําเร็จจากที่อื่น ในขณะที่พื้นที่อีกส่วนหนึ่ง
ประสบความสําเร็จในการรวมกลุ่มจะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานหรือองค์กรภายนอกในตอนเริ่มต้น
ค่อนข้างมากทั้งในแง่ของบุคลากร องค์ความรู้ และการจัดการ โดยหน่วยงานที่มีส่วนช่วยเป็นได้ทั้งหน่วยงาน
ภาครัฐโดยตรง องค์กรไม่แสดงหากําไร หรือองค์การภาคประชาชน
ในบางพื้นที่ การพัฒนารูปแบบธุรกิจการเกษตรอาจจะหยุดอยู่ที่การรวมกลุ่มเพื่อขายเท่านั้น โดยเน้น
การให้ความสําคัญกับการหาตลาดหรือกระจายผลผลิตให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงและ
กระจายกระแสรายได้ของสมาชิกเกษตรกรให้มีรายรับเพิ่มมากขึ้น แต่ในบางพื้นที่ที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสม
อาจจะมีการพัฒนากลุ่มไปมากขึ้นเช่น การพัฒนาคุณภาพ หรือการแปรรูปผลผลิต ทั้งนี้ การที่กลุ่มเกษตรกร
จะพัฒนาไปในแนวทางใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์และตลาดรับซื้อเป็นสําคัญ โดยกลุ่มที่มี
การพัฒนาคุณภาพของผลผลิตมักจะเกิดจากความต้องการผลผลิตที่มีคุณภาพของพ่อค้าหรือตลาดที่มารับซื้อ
6-43