Page 177 -
P. 177
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เหมาะสมในพื้นที่ได้ การต่อยอดทางหนึ่งคือการพัฒนาคุณภาพของสินค้าเพื่อขายในตลาดที่เฉพาะเจาะจงมาก
ขึ้น โดยการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตอาจจะเกิดได้จาก 2 ทาง ได้แก่ 1) การใช้กระบวนการผลิตที่ดีและเป็น
ที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น เช่น การปลูกพืชอินทรีย์หรือปลอดสาร ซึ่งมีความปลอดภัยหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มากขึ้น และ 2) การปลูกพืชที่มีความโดดเด่น แตกต่างจากผลผลิตโดยทั่วไปมากขึ้น การเลือกสายพันธุ์หรือ
ชนิดของพืชที่หายาก โดดเด่น และเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น การปลูกกาแฟพันธุ์จาวาหรือเกซา
ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่พบว่า การพัฒนาคุณภาพของผลผลิตมักจะเกิดขึ้นกับเกษตรกรที่มีการรวมกลุ่มกัน
อย่างเข้มแข็งในระดับหนึ่ง มีลักษณะเป็นกลุ่มที่มีจํานวนเกษตรกรไม่มากนัก เนื่องจากจะต้องมีการดูแล
ตรวจสอบคุณภาพของผลผลิตของเกษตรกรภายในกลุ่ม และผลผลิตมักจะมีความต้องการรับซื้อที่จํากัด ดังนั้น
โดยส่วนใหญ่จึงพบว่า เกษตรกรมีการรวมกลุ่มเพื่อขายสินค้ากันก่อน และจากนั้นจึงมีการพัฒนาคุณภาพของ
ผลผลิตโดยเกษตรกรทั้งกลุ่มอาจจะร่วมกันทํา (ในกรณีที่กลุ่มไม่ใหญ่มาก) หรือเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรบาง
คนจัดตั้งขึ้นเป็นกลุ่มย่อยกันเพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตของตนเอง (ในกรณีที่กลุ่มเดิมมีขนาดใหญ่)
นอกจากประโยชน์ที่เกษตรกรได้จากการรวมกลุ่มเพื่อขายโดยทั่วไป เช่น การลดต้นทุนการขนส่ง ลด
ต้นทุนปัจจัยการผลิต หรือการหาตลาดได้ง่ายขึ้นแล้ว การพัฒนาคุณภาพของผลผลิตจะช่วยเพิ่มราคาขาย
ผลผลิตให้กับเกษตรกรได้ค่อนข้างมาก เช่น การผลิตมะม่วงเพื่อส่งออกทําให้เกษตรกรขายได้ราคาสูงกว่า
มะม่วงทั่วไปถึงประมาณ 3 เท่า หรือเมล็ดกาแฟพันธุ์ดี คุณภาพสูง เช่น Java ได้ราคารับซื้อที่ 35 บาท หรือ
Geisha รับซื้อที่ 45 บาท ในขณะที่กาแฟอราบิก้าทั่วไปได้ราคารับซื้อ 25 บาทต่อ กก.นอกจากนี้ ราคาที่
เกษตรกรขายได้จะมีความผันผวนน้อยกว่าราคาสินค้าทั่วไปเนื่องจากมีสินค้าที่ทดแทนได้น้อยทําให้พ่อค้ามี
ข้อจํากัดในการหาสินค้าจากแหล่งอื่นมาทดแทน
ในส่วนของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า การพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่เกิดจากการพัฒนา
กระบวนการผลิตโดยส่วนใหญ่จะต้องการการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การผลิตปลอดสารพิษ
อินทรีย์ หรือการผลิตตามมาตรฐาน GAP ซึ่งจะมีส่วนทําให้สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดีขึ้นด้วย ในขณะที่การพัฒนา
คุณภาพของสินค้าที่เกิดจากการเลือกชนิดพันธุ์อาจจะไม่ได้หมายถึงการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก
ยิ่งขึ้น เช่น การปลูกพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะมากขึ้น หรือต้องการลักษณะผลที่สวยมากขึ้น ในกรณีเช่นนี้ การ
พัฒนาคุณภาพผลผลิตอาจจะทําให้เกษตรกรต้องใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ หน่วยงานหรือองค์กรที่เข้า
ไปสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้เกษตรกรจะมีส่วนสําคัญในการกําหนดเงื่อนไขการผลิตให้เป็น
มิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
ในด้านสังคม การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงมักจะเป็นการผลิตที่ใช้เวลาและแรงงานมากกว่าสินค้า
โดยทั่วไป เกษตรกรต้องมีทักษะและมีการดูแลเอาใจใส่กระบวนการและผลผลิตมากกว่าการผลิตทั่วไป
เกษตรกรจะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน เช่น การแก้ปัญหาที่เกิดจากการเพาะปลูก การเก็บ
เกี่ยว และการขนส่ง การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ การลดต้นทุน และตรวจสอบดูแลคุณภาพ
ผลผลิตภายในกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ระหว่างเกษตรกรภายในกลุ่มอย่างใกล้ชิด ทําให้
ความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกรภายในกลุ่มเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น ในขณะที่เกษตรกรที่ผลิตสินค้าทั่วไป
อาจจะมีการรักษาความลับในการผลิตของตนเองเพราะมองเกษตรกรรายอื่นเป็นคู่แข่งโดยตรง
6-37