Page 70 -
P. 70
ิ
์
ื
ิ
ิ
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
68
ที่สุด โดยเปลี่ยนแปลงเป็นเบต้า-ไฮดรอกซิบิวทีเรท (β-hydroxybutyrate) ซึ่งเป็นสารคีโตนที่จะถูก
เปลี่ยนให้เป็นพลังงานในกล้ามเนื้อได้ ระดับของกรดบิวทีริกในเส้นเลือดที่ไปตับจึงมีค่าต่ า กรดอะเซทติ
กและกรดบิวทีริก ถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานที่ส าคัญของร่างกายโดยใช้ขบวนการออกซิ
เดชั่น (Oxidation) และวัฎจักรเครบส์ (Kerb’s cycle)
ขั้นตอนเริ่มต้นจากกรดอะเซทติกจะท าปฏิกิริยากับโคเอนไซม์เอได้เป็นอะเซททิลโคเอนไซม์
เอ โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาคือ อะเซทเตทไทโอไคเนส (Acetate thiokinase) จากนั้นจะถูกออกซิไดส์
ในวัฏจักรเครบส์เพื่อให้ได้พลังงานในรูป ATP ออกมาโดย 1 โมเลกุลของกรดอะเซทติกจะได้พลังงาน
ทั้งสิ้น 12 ATP แต่ในการเปลี่ยนกรดอะเซทติกให้เป็นอะเซททิลโคเอนไซม์เอต้องใช้พลังงาน 2
ATP พลังงานที่ได้จากการสลายกรดอะเซทติท 1 โมเลกุลจึงมีค่าเท่ากับ 10 ATP (ภาพที่ 2-1) กรดอะ
เซทติกนอกจากจะถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานในร่างกายแล้ว ยังเป็นวัตถุดิบที่ส าคัญในการสังเคราะห์ไขมัน
ในนมด้วยโดยการสังเคราะห์เป็นกรดไขมันสายสั้นๆ ตั้งแต่ (C 4) จนถึงกรดปาล์มมิติก (Palmitic
acid) การใช้กรดอะเซทติกเพื่อเป็นพลังงานนั้น หลังจากที่กรดอะเซทติกออกจากผนังหลอด
เลือด จะเข้าสู่วัฏจักรเครบส์เพื่อใช้เป็นพลังงานหรือสามารถถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดไขมันชนิดต่างๆ
ได้ แต่ในสัตว์เคี้ยวเอื้องจะมีเอนไซม์เอทีพี-ซิเตรทไลเอส (ATP-citratelyase) ต่ า การเปลี่ยนกลูโคส
เป็นอะเซททิลโคเอนไซม์เอ เพื่อเป็นสารตัวกลางในการเปลี่ยนเป็นกรดไขมันอื่นจึงมีน้อยตามไปด้วย
ภาพที่ 2-1 การใช้กรดอะเซทติก(อะซิเตท)เป็นพลังงาน
ที่มา: บุญล้อม (2546)
กรดโปรไปโอนิกประมาณ 2-5% ของที่สังเคราะห์ในกระเพาะรูเมน สามารถถูกเปลี่ยนเป็นกรด
แลคติกหรือแลคเตทได้ ส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมเข้าเส้นเลือดที่ไปตับ เพื่อถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสก่อนที่จะเข้า
ไปในวัฏ-จักรเครบส์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานต่อไป ในการสร้างกลูโคสจะต้องใช้กรดโปรไป
โอเนท 2 โมเลกุลในการสร้างกลูโคส 1 โมเลกุล เริ่มต้นปฏิกิริยาโดยกรดโปรไปโอนิกจะต้องท าปฏิกิริยา
กับโคเอนไซม์เอก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นซักซินิลโคเอนไซม์เอ (Succinyl CoA) (ก่อนขั้นตอนนี้ต้องใช้
บทที่ 2 สารอาหารและเมตาบอลิซึมในร่างกายสัตว์