Page 69 -
P. 69
ื
ิ
ิ
ิ
ิ
์
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
67
เปลี่ยนเป็นน้ าตาลกลูโคส เป็นต้น จากนั้นสัตว์จะน าเอาโภชนะที่ได้จากกระบวนการทางชวเคมีเหล่านี้ไป
ี
ใช้ประโยชน์ต่อไป (Klaus, 1994)
ส าหรับผลิตผลจากสัตว์ เช่น เนื้อ น้ านมและไข่ถูกผลิตขึ้นโดยการสะสมโปรตีน ไขมันและ
คาร์โบไฮเดรต ในเนื้อเยื่อต่างๆ ของสัตว์ในแต่ละชนิด โดยอัตราส่วนความสามารถในการสะสมได้ของ
โภชนะจะถูกน ามาใช้ในการค านวณหาปริมาณผลผลิตที่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วการประเมินองค์ประกอบและ
คุณภาพของผลผลิตจากสัตว์ จึงมีความสัมพันธ์กันกับอัตราส่วนการสะสมของโภชนะในแต่ละส่วนนั้นๆ
การผลิตเนื้อเพื่อให้เป็นเนื้อเยื่อส าหรับการเจริญเติบโตของสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ที่อยู่
ในช่วงวัยหนุ่มสาว พบว่าอัตราส่วนการสะสมโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมันในเนื้อเยื่อ จะมีค่าเท่ากัน
กับความแตกต่างระหว่างการสังเคราะห์และการย่อยสลายของโภชนะนั้นๆ ซึ่งโดยปกติแล้วอัตราส่วน
การสะสมของโภชนะจะมีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับทั้งอัตราส่วนการสังเคราะห์หรืออัตราส่วนการ
ย่อยสลายของโภชนะ
การสะสมส่วนประกอบของสารอินทรีย์ในน้ านมและไข่ พบว่าจะมีค่าเท่ากับอัตราส่วนของการ
สังเคราะห์ของสารนั้นๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผลผลิตดังกล่าวได้มีการขับออกมาจากเซล เนื่องจากการ
หลุดรอดจากกระบวนการย่อยสลายภายในเซล ดังนั้นจึงมีความจ าเป็นที่จะต้องใช้พลังงานช่วยใน
กระบวนการสังเคราะห์ เพื่อให้เกิดการสะสมของผลผลิตนั้นได้ ตลอดทั้งเพื่อรักษาสภาพการท างานของ
เซลล์ล์ให้ปกติต่อไป
เมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต (Metabolism of carbohydrate)
เมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรตในสัตว์เคี้ยวเอื้องจะแตกต่างกับสัตว์ไม่เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์
กระเพาะเดี่ยวอย่างเด่นชัด ในสัตว์กระเพาะเดี่ยวคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยโดยเอนไซม์จากระบบทางเดิน
อาหารได้ผลผลิตคือ น้ าตาลกลูโคส ซึ่งสัตว์จะน าไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานโดยตรง แต่ใน
สัตว์เคี้ยวเอื้อง คาร์โบไฮเดรตเมื่อถูกย่อยโดยเอนไซม์จากจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมน จะได้ผลผลิตที่
ส าคัญคือ กรดไขมันระเหยง่ายชนิดต่างๆ ซึ่งจะถูกดูดซึมโดยตรงในรูปกรดไขมันอิสระผ่านผนังกระเพาะ
รูเมน เรคติคูลัมและโอมาซัมด้วยขบวนการดิพฟิวชั่นหรือขบวนการแพร่ (Diffusion) แล้วเข้าสู่เส้น
เลือดไปที่ตับ (Portal vein) จากนั้นจะถูกน าไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป เพื่อใช้เป็นแหล่ง
พลังงานส าคัญของร่างกาย มีส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถดูดซึมผ่านกระเพาะแท้ได้ ปริมาณกรดอะเซท
ติกจะมีมากที่สุดในเส้นเลือดที่ไปที่ตับและในเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย (Circula system) เป็นผล
จากขณะดูดซึมผ่านผนังกระเพาะรูเมนกรดอะเซทติกมีการเมตาบอลิซึมหรือมีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
โดยส่วนที่เปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนเป็นสารคีโตน (Ketone bodies) แต่กรดบิวทีริกจะมีเมตาบอลิซึมสูง
บทที่ 2 สารอาหารและเมตาบอลิซึมในร่างกายสัตว์