Page 81 -
P. 81

โครงการหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร                 ี
                                                                                     ุ
                                                 ิ
                                                                             ั
                                              ์
                                  ิ
                                                             ิ
                                           ิ
                               ื
                                                                                                           75

               แสดงให:เห็นวEาผลลัพธQของความสัมพันธQที่เปUนอยูEมีคะแนนสูงเกินกวEาระดับการเปรียบเทียบหรือความคาดหวังของแปง
                                                                                                            ©
                                                                                          Q
               เธอจึงมีความพึงพอใจตEอความสัมพันธQ สEวนทางเลือกอื่น เชEน การอยูEคนเดียว หรือความสัมพันธกับเพื่อนคนอื่น หากแปง ©
               ประเมินทางเลือกอื่นที่ระดับคะแนน 3  (CLalt) ซึ่งทำนายได:วEาแป©งมีแนวโน:มมากที่จะยังคงรักษาความสัมพันธQกับโบ†ทไว  :
                                                                                           ั
                                          ี
               เพราะผลลัพธQของความสัมพนธQท่มอยูE (8) มีคEาสูงเกินกวEาความคาดหวัง (6) และสูงกวEาความสัมพนธQของทางเลือกอื่น (3)
                                      ั
                                         ี
               เห็นได:วEาคนเรามีการประเมินความสัมพันธQในปiจจุบัน และเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น ซึ่งมีผลตEอการตัดสินใจรักษาหรอ
                                                                                                            ื
               ยุติความสัมพันธQ
                       หลักการดังกลEาวอธิบายได:ดีวEาเพราะเหตุใดบางคนจึงยังคงอดทนอยูEกับความสัมพันธQที่ไมEได:สนองความพึงพอใจ
               แกEตัวเองมาก นั่นเปUนเพราะการไมEมีทางเลือกอื่นหรือความรู:สึกกลัวที่จะต:องอยูEคนเดียว  ดังนั้น จึงตัดสินใจที่จะยังคงอย ูE

               กับความสัมพันธQที่ให:ผลลัพธQที่ไมEนEาพอใจมาก เชEน ภรรยาที่ทนกับความสัมพันธQที่ถูกสามควบคุม เหยียดหยาม ทำร:าย
                                                                                      ี
               หรือใช:ความรุนแรง (Abusive relationship) ผู:บริหารในองคQการใช:การประเมินเปรียบเทียบนี้เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการ

               ปลดพนักงาน
                       โดยการผสมผสาน CL กับ CLalt ทำให:เกิดผลลัพธQที่เปUนไปได: 4 แบบ ถ:าคูEรักตอบสนองความคาดหวังสำหรบ
                                                                                                            ั
                                                                                                            ั้
               ความสัมพันธQ (CL มีสูง) และไมEได:มีทางเลือกความสัมพันธQอื่น (CLalt ต่ำ) บุคคลจะมีความพึงพอใจตEอความสัมพันธQนน
                                                                                                            ั
               และไมEยุติความสัมพันธQ ตรงข:ามกัน ถ:าบุคคลพึงพอใจตEอคูEสัมพันธQน:อยลงเพราะเขาหรือเธอไมEเปUนไปตามความคาดหวง
               (CL ต่ำ) และรับรู:ถึงทางเลือกอื่น (Clalt สูง) บุคคลมีแนวโน:มที่จะหาโอกาสในการยุติความสัมพันธQ

                       ผลลัพธQ 2 แบบข:างต:นเปUนผลลัพธQที่เห็นชัดและตรงไปตรงมา แตEถ:าเปUนสถานการณที่ซับซ:อนมากกวEานี้ เชEน คน
                                                                                       Q
                                                          ื
                                                                            ื
                                                                                      ู
                                                                                ื
                                                                                             ั
                                                                                            Q
                                                                                       ึ
                  ี
                                                                                                           E
               ที่มความสุขกับกับคูEรกหรอแฟน แตEเลือกที่จะนอกใจหรอทอดทิ้งเพื่อไปหาคนอ่น หรอคนที่ร:สกทุกขกบการแตงงาน แตยง ั
                                   ื
                                ั
                                                                                                    E
               ปฏิเสธที่จะแยกหรือหยEาร:าง ทำไมบางคนจึงรักษาความสัมพันธQที่ดูเหมือนวEาจะมีต:นทุนสูง บางคนอาจมีคูEสัมพันธQท ี่
               ตอบสนองหรือเกินกวEาความคาดหวัง (CL สูง) แตEเนื่องจากได:รับรู:ถึงทางเลือกอื่นที่มากกวEา (CLalt สูง) ก็อาจเลือกจบ
               ความสัมพันธQที่นEาพึงพอใจ ในทางกลับกัน บุคคลที่ไมEพอใจกับความสัมพันธQที่เปUนอยูE (CL ต่ำ) อาจเชื่อวEาตัวเองไมEม ี
               ทางเลือกความสัมพันธQอื่น (CLalt ต่ำ) ดังนั้น จึงยังคงรักษาความสัมพันธQที่ไมEนEาพอใจนั้นไว:อยูE ผลลัพธQแบบนี้ชEวยอธิบาย
               เหตุผลได:ดีวEาทำไมคนบางคนจึงยังคงอยูEกับความสัมพันธQที่ถูกทำร:ายทางกายและจิตใจ

               ทฤษฎีการประมวลข,อมูลทางสังคม (Social Information Processing)

                       Josehp Walther พัฒนาทฤษฎีการประมวลข:อมูลทางสังคม (Social Information Processing - SIP) ขึ้นในป  Å

               ค.ศ.1992 โดยพัฒนาจากทฤษฎีตEาง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธQ เชEน ทฤษฎีการพัฒนาความสัมพันธQทางสังคม (Social
               Penetration Theory) ทฤษฎีการลดความไมEแนEใจ (Uncertainty Theory) ซึ่งทฤษฎีการประมวลข:อมูลทางสังคมอธิบาย

               ถึงการพัฒนาความสัมพันธQระหวEางบุคคลแบบใกล:ชิดสนิทสนมผEานเทคโนโลยีการสื่อสารที่ได:รับความนิยมในต:นทศวรรษ
               1990 ได:แกE การสื่อสารผEานสื่อคอมพิวเตอรQ (Computer- Mediated communication) เชEน อีเมลQ หลังจากนน
                                                                                                            ั้
               เทคโนโลยีพัฒนาอยEางรวดเร็ว ทฤษฎีการประมวลข:อมูลทางสังคมยังเปUนทฤษฎีที่ชEวยอธิบายเหตุผลและวิธีการสร:าง
                          Q
               ความสัมพันธทางสื่อออนไลนQ (Griffin et al., 2015) ความสัมพันธQใกล:ชิดและสายสัมพันธQแบบแนEนแฟ©นพัฒนาขึ้นได:จาก
   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86