Page 185 -
P. 185

โครงการหนังสออเล็กทรอนกส เฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร      ี
                                                                ั
                                                                        ุ
                                                  ิ
                                    ์
                                 ิ
                                        ิ
                         ิ
                       ื
                   เรื่องเล่าพระไตรปิฎก
         154
       6. เกณฑ์ตัดสินจริยธรรมในพุทธปรัชญา

                                                                              ้
              ในการตัดสินทางจริยธรรมของพุทธปรัชญานั้น จึงไม่ยึดถือเอาผลทีเกิดขึนจากเจตนา
                                                                         ่
                     ็
                                                                                       ่
                                                          ่
                                                                  ็
       ของบุคคลมาเปนเกณฑ์ตัดสินขั้นเด็ดขาด แต่ให้ตัดสินทีเจตนาเปนหลักใหญ่ เพราะมีเรือง
                                  ่
                                                          ่
                                                   ่
       ของผลกรรมจากอดีตมาเกียวพันซับซ้อนอยูด้วย เรืองผลของกรรมในพุทธปรัชญา
            ่
         ็
       เปนเรืองละเอียดอ่อนลึกซึง บางขณะผลของการกระท าดีซึงบุคคลได้เคยกระท าไว้ก าลังให้ผลในขณะที ่
                            ้
                                                      ่
       เขาประพฤติชั่วอยู หรือบางขณะ ผลของกรรมชั่วที่ผู้นั้นได้เคยกระท าไว้ทั้งในชาตินีและชาติก่อน
                                                                              ้
                       ่
       ก าลังให้ผลในขณะทีเขาประพฤติดีเปนคนดีอยู  ่
                       ่
                                     ็
              ผลของกรรมในทรรศนะพุทธปรัชญาจึงมิอาจพิจารณากันได้โดยง่ายด้วยปรากฏการณ       ์
                               ์
                                                                             ่
       ภายนอกหรือปรากฏการณทางกายเท่านั้น พุทธปรัชญาถือว่าผลของกรรมทีตอบสนองนั้น
                                                                       ่
                                         ่
                                      ้
                ็
       ย่อมต้องเปนไปตามกาลเวลา ตามหนาที และตามความหนักเบาแห่งกรรมทีบุคคลได้เคยกระท าไว้
       ทั้งชาตินีและอดีตชาติ
              ้
              เกณฑ์ตัดสินความดีความชั่วในพระพุทธศาสนามี 2 ประการคือ 1) พิจารณาจากมูลเหตุ
                                     ่
       ของการกระท าหรือวินิจฉัยโดยดูทีมา 2) พิจารณาจากผลของการกระท าหรือวินิจฉัยโดยดูที่ผล
       และคัมภีร์พระไตรปฎก พระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยว่าอะไรคือความดี (กุศลกรรม) อะไรคือความชั่ว
                        ิ
       (อกุศลกรรม) เราจะพบว่า การวินิจฉัยนั้นสามารถจ าแนกออกเปน 2 เกณฑ์ คือ
                                                           ็
              เกณฑ์หลัก
              วินิจฉัยโดยสืบหาทีมาของการกระท า หรือสภาวธรรมนั้น พุทธปรัชญาถือว่าสิ่งทีเปนต้นเหตุ
                              ่
                                                                                  ็
                                                                                ่
                                                                         ่
                         ุ
                                                                                   ่
       หรือแรงผลักดันให้มนษย์ท ากรรมต่าง ๆ มีอยู 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือแรงผลักดันฝายดี กลุ่มทีสองคือ
                                             ่
                  ่
                                   ่
       แรงผลักดันฝายชั่ว แรงผลักดันฝายดีมีมากมาย แต่สรุปมี 3 คือ ความไม่โลภ ความไม่โกรธ และ
       ความไม่หลง แรงผลักดันฝายชั่วมีมากมายแต่สรุปได้ 3 คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง
                            ่
                                      ้
              การพิจารณาดูว่าการกระท านีมีมูลเหตุมาจากอะไรเปนแรงผลักดันแรงจูงใจให้เกิดการกระท านี ้
                                                        ็
                                                                 ุ
                                           ่
       พระพุทธศาสนาถือว่า กรรม คือ การกระท าทีประกอบด้วยเจตนาของมนษย์นั้นมีสาเหตุมาจาก 2 อย่าง
                ่
       คือ กุศล (ฝายดี) กับอกุศล (ฝายชั่ว) ดังพระพุทธพจน ที่ว่า ภิกษทั้งหลายมีธรรมชาติ 3 ประการ
                                ่
                                                     ์
                                                               ุ
        ่
       ทีก่อให้เกิดการกระท าขึน โลภะเปนบ่อเกิดของการกระท า โทสะเปนบ่อเกิดของการกระท า โมหะเปน
                                                                                        ็
                                  ็
                                                             ็
                          ้
                                                                                 ็
                                                                      ้
                                                   ่
       บ่อเกิดของการกระท า มีธรรมชาติอีก 3 ประการ ทีก่อให้เกิดการกระท าขึน อโลภะ เปนบ่อเกิด
                                                          ็
                              ็
                    ้
       ของการกระท าขึน อโทสะ เปนบ่อเกิดของการกระท า อโมหะ เปนบ่อเกิดของการกระท า (ที.ปา.11/392)
   180   181   182   183   184   185   186   187   188   189   190