Page 189 -
P. 189
ั
ื
ิ
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกส เฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
ุ
ิ
์
ิ
เรื่องเล่าพระไตรปิฎก
158
่
็
่
่
็
สรุปได้ว่า การกระท าใดก็ตามทีเปนไปด้วยอ านาจกิเลสดังกล่าว ย่อมเปนสิ่งทีนามาซึง
็
่
ความเสียหาย ซึงจะนาความทุกข์มาให้ และสามารถตัดสินได้ว่า การกระท านั้นผิด เพราะเปน
การกระท าทีสวนทางกับพระนิพพาน ส่วนการกระท าทีดีมีประโยชนก็คือการกระท าทีเปนไป
่
์
่
็
่
่
เพือพระนิพพานหรือความหลุดพ้น (วิมุตติ)
็
7. เจตนาเปนเกณฑ์ตัดสินจริยธรรมในพุทธจริยศาสตร์
็
กล่าวโดยหลักการแล้วการกระท าใด ๆ จะเปนกรรมดีหรือกรรมชั่วให้ดูที่เจตนาเปนหลัก
็
่
เพราะเจตนาเปนทีมาของกรรม ดังพุทธพจนทีระบุไว้ในพระสุตตันตปฎกว่า “เจตนาห ภิกขเว กมม
็
่
ิ
ฺ
ฺ
์
็
ฺ
ฺ
วทามิ เจตยิตวา กมม กาเยน วาจาย มนสา” แปลว่า “ภิกษทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเปนกรรม
ุ
บุคคลคิดแล้วจึงท ากรรมทางกาย วาจา ใจ” (อัง.ฉักก. 22/63/474) เจตนาหมายถึงสภาพความนึกคิด
้
็
็
ทีมีความจงใจเปนสิ่งประกอบส าคัญ คือ ต้องคิดไว้ก่อนล่วงหนาแล้วจึงกระท า เจตนาจึงจัดเปนแก่น
่
ส าคัญที่สุดของการกระท า เปนสาระที่ท าให้การกระท ามีความหมาย การกระท าที่มิได้เกิดจาก
็
์
็
ความจงใจไม่อาจเรียกได้ว่าเปนการกระท า และพุทธพจนในภูมิชสูตรว่า
็
้
่
“ดูก่อนอานนท์ เมื่อกายมีอยู สุขและทุกข์อันเปนภายใน ย่อมเกิดขึนเพราะความจงใจทางกาย
เปนเหตุ เมื่อวาจามีอยู สุขและทุกข์ภายในย่อมเกิดขึน เพราะความจงใจทางวาจาเปนเหตุ หรือว่า
้
็
่
็
็
็
้
เมื่อใจมีอยู สุขและทุกข์อันเปนภายใน ย่อมเกิดขึนเพราะความจงใจทางใจเปนเหตุ” (สัง.นิ.16/25/51)
่
์
และพุทธพจนในมหากัมมวิภังคสูตรว่า
“บุคคลจงใจท ากรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันให้ผลเปนสุข เขาย่อมเสวยสุข บุคคลจงใจ
็
ท ากรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันให้ผลเปนทุกข์ เขาย่อมเสวยทุกข์ บุคคลจงใจท ากรรมทางกาย
็
ทางวาจา ทางใจ อันให้ผลไม่ทุกข์ไม่สุข เขาย่อมเสวยอทุกขมสุข” (ม.อุ.14/300/386)
ในพระวินัย เมื่อพระภิกษกระท า พระพุทธองค์ทรงใช้เจตนาเปนเกณฑ์ตัดสิน ขอยกตัวอย่าง
็
ุ
ุ
ุ
กรณีพระภิกษกระท าความผิดอาบัติขั้นปาราชิก หากพระภิกษใดมีเจตนากระท าความผิดขั้นร้ายแรงนี ้
็
ก็จะขาดจากความเปนภิกษทันที และหากภิกษใดไม่มีเจตนาในการกระท าก็จะไม่ต้องอาบัติปาราชิก
ุ
ุ
ดังตัวอย่างในตติยปาราชิกบางเรือง คือ
่