Page 15 -
P. 15
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
infection และเกิดเนื้อเยื่อที่เป็นโรคเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื้อจะสร้าง secondary inoculum ใหม่ที่ท�าให้
เกิด secondary infection รอบใหม่ กระบวนการสร้าง secondary inoculum และการเกิด secondary
infection สามารถเกิดได้หลายรอบในฤดูปลูก ท�าให้มีเชื้อสาเหตุโรคปริมาณมาก อาจมีโอกาสเกิดการระบาด
รุนแรงได้ ปัจจัยที่ส�าคัญในการเกิดโรคแบบ polycyclic คือจ�านวนรอบในการเข้าท�าลายพืช (infection cycle)
ยิ่งจ�านวนรอบมาก พืชก็จะมีโอกาสเกิดโรคได้มาก ดังนั้นการจัดการโรคแบบ polycyclic จะเน้นในเรื่อง
การลดอัตราการเข้าท�าลายพืช (infection rate) เช่น การควบคุมโรคโดยใช้สารเคมีหรือพันธุ์ต้านทานแบบ
horizontal resistance (ภาพที่ 1.3)
โรคพืชที่เกิดจากไส้เดือนฝอยส่วนใหญ่ โรคราสนิมในพืชยืนต้น โรคราเขม่าด�า และโรคที่เชื้อสาเหตุ
อยู่ในดิน (soilborne disease) เช่น โรครากเน่า โรคเหี่ยว เชื้อสาเหตุโรคเหล่านี้สร้างส่วนขยายพันธุ์ได้ 1 รอบ
(มากสุดไม่เกิน 4 รอบ) ในหนึ่งฤดูกาลเพาะปลูก ท�าให้เกิดโรคแบบ monocyclic ในกรณีของเชื้อราสาเหตุ
โรครากเน่าและโรคเหี่ยวจะอยู่ข้ามฤดูด้วยสปอร์ในเศษซากพืชหรือในดิน ซึ่งส่วนของเชื้อที่อยู่ข้ามฤดูจะเป็น
primary inoculum ที่เข้าท�าลายพืชในช่วงต้นฤดูปลูก (primary infection) พอปลายฤดูปลูกเชื้อจะสร้าง
สปอร์เพื่ออยู่ข้ามฤดูและเป็น primary inoculum ที่จะเข้าท�าลายพืชในการปลูกรอบใหม่ ตลอดฤดูกาล
เพาะปลูกเชื้อจะสร้างเฉพาะ primary inoculum ไม่สร้าง secondary inoculum จึงไม่มี secondary
infection อย่างไรก็ตามช่วงปลายฤดูปลูกจะมีปริมาณเชื้อมากกว่าช่วงต้นฤดูปลูก ดังนั้นจึงมีปริมาณเชื้อ
เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี เชื้อสาเหตุโรคกลุ่ม monocyclic สร้างส่วนขยายพันธุ์และแพร่กระจายได้น้อยกว่า
เชื้อสาเหตุโรคกลุ่ม polycyclic จึงท�าให้การระบาดของโรค monocyclic เกิดขึ้นได้ช้ากว่า การจัดการโรคแบบ
monocyclic ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรคเริ่มต้น (primary inoculum) ที่ท�าให้
เกิด primary infection เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน การฆ่าเชื้อในดิน การท�าลายพืชอาศัยสลับ (alternate host)
(ภาพที่ 1.3)
การพัฒนาของโรคบางอย่างใช้เวลามากกว่า 1 ปี ท�าให้เกิดโรคแบบ polyetic ซึ่งเกิดจากเชื้อสาเหตุ
โรคต้องมีการสะสมปริมาณในแต่ละปี เพื่อให้มากพอที่จะท�าให้เกิดโรค หรือเชื้อสาเหตุโรคมีวงจรการสร้าง
ส่วนขยายพันธุ์ใช้เวลานานกว่า 1 ปี เช่น โรคราสนิมของซีดาร์-แอปเปิ้ลเกิดจากเชื้อรา Gymnosporangium
juniperi-virginianae ใช้เวลา 2 ปี, โรคราสนิมของไพน์เกิดจากเชื้อรา Cronartium ribicola ใช้เวลา 3-6 ปี,
โรคที่เกิดจาก dwarf mistletoe (Arceuthobium spp.) ซึ่งเป็นพืชปรสิตใช้เวลา 5–6 ปี การระบาดของโรค
ลักษณะนี้จึงเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากเชื้อสาเหตุโรคจะสร้างส่วนขยายพันธุ์
เพิ่มมากขึ้นทุกปี ท�าให้เกิดการเข้าท�าลายอย่างต่อเนื่อง (ภาพที่ 1.4)
2.4 นิเวศวิทยาของเชื้อสาเหตุโรค
เชื้อสาเหตุโรคบางประเภทสร้างส่วนขยายพันธุ์บริเวณผิวของพืชอาศัย ได้แก่ สปอร์ของเชื้อราส่วนใหญ่
และเมล็ดของพืชที่เป็นปรสิต ท�าให้สามารถแพร่กระจายได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดได้มาก;
เชื้อสาเหตุโรคบางประเภทสืบพันธุ์ภายในพืชอาศัย ได้แก่ เชื้อราและแบคทีเรียที่ก่อโรคเหี่ยว ไฟโตพลาสมา
ไวรัส และโปรโตซัว การแพร่กระจายของเชื้อต้องอาศัยพาหะน�าโรค ซึ่งจะเกิดการระบาดของโรคได้ก็ต่อเมื่อ
มีพาหะเป็นจ�านวนมากและเคลื่อนที่ไปมาระหว่างพืชอาศัยอยู่ตลอดเวลา; เชื้อสาเหตุโรคที่อาศัยอยู่ในดิน ได้แก่
เชื้อรา แบคทีเรีย และไส้เดือนฝอยในดิน จะสร้างส่วนขยายพันธุ์บริเวณเนื้อเยื่อพืชเป็นโรคที่อยู่ในดิน การแพร่
กระจายของดินจะเป็นไปได้ช้า ท�าให้มีโอกาสเกิดการระบาดรุนแรงได้น้อย
8 หลักการควบคุมโรคพืช
Principles of Plant Disease Control