Page 95 -
P. 95

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


                                                                                                           91


               ฐานะยากจน ผู้ประกอบการโรงสีข้าวมีจำนวนน้อยกว่าเกษตรกรอย่างเห็นได้ชัดและมีการกระจุกตัวเชิงพื้นที่สูง

               มาก ทำให้อำนาจต่อรองของเกษตรกรน้อยกว่าโรงสีข้าว โรงสีข้าวก็ไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นราคาข้าวมากนักเพื่อ

               แข่งขันกันรับซื้อข้าวเปลือก นอกจากนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมขายข้าวเกี่ยวสด โรงสีข้าวต้องรับภาระต้นทุนใน

               การเก็บเกี่ยว ลดความชื้นและเก็บรักษาข้าว ต้นทุนเหล่านี้ไม่ได้แปรผันตามราคาข้าวสาร จึงทำให้โรงสีข้าวไม่ขึ้น

               ราคารับซื้อข้าวเปลือกได้อย่างเต็มที่เมื่อราคาข้าวสารสูงขึ้น นอกจากนั้นในสภาวะที่ธุรกิจโรงสีขาดสภาพคล่องทาง

               การเงิน โรงสีข้าวไม่สามารถรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปขายได้เพิ่มขึ้นมากนักในช่วงที่ราคาข้าวสารปรับ


               สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการส่งผ่านราคาระหว่างข้าวเปลือกเจ้ากับข้าวสารมีความสมมาตร หมายความว่าโรงสีข้าวไม่
               สามารถใช้อำนาจตลาดที่เหนือกว่าในการเอาเปรียบเกษตรกรโดยการกดราคารับซื้อข้าวเปลือกในช่วงราคา


               ข้าวสารปรับลดลง อาจเนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจโรงสีข้าวมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มาก แม้ว่าราคาข้าวสารจะ

               ปรับลง โรงสีข้าวยังจำเป็นต้องรับซื้อข้าวเปลือกต่อไปเพื่อใช้กำลังการผลิตที่ได้ลงไปแล้วให้ได้อย่างคุ้มค่า


                   2.  ราคาข้าวสาร 5% และ 25% มีการตอบสนองค่อนข้างดีต่อการเปลี่ยนแปลงราคาข้าวส่งออก


                       ความยืดหยุ่นในการส่งผ่านจากราคาข้าวส่งออกไปยังราคาข้าวสารภายในประเทศมีค่าค่อนข้างสูง คือ ค่า

               ความยืดหยุ่นในระยะสั้นเท่ากับ 0.4349 สำหรับข้าวขาว 5% (0.4224 สำหรับข้าวขาว 25%) และความยืดหยุ่น
               ระยะยาวเท่ากับ 0.8391 สำหรับข้าวขาว 5% (0.8308 สำหรับข้าวขาว 25%) ค่าความยืดหยุ่นระยะยาวใกล้เคียง

               หนึ่งมีความหมายว่ากลไกการส่งผ่านราคาสามารถทำงานได้ดี ราคาข้าวสารในตลาดสามารถปรับตัวได้อย่าง

               รวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือน สะท้อนว่าตลาดมีการแข่งขันสูง และผู้ซื้อและผู้ขายมีความสามารถเข้าถึง
               ข้อมูลข่าวสารด้านราคาสินค้าได้ใกล้เคียงกัน

                       ธุรกิจซื้อขายข้าวสารเพื่อการส่งออกประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ โรงสีข้าว หยง และผู้ส่งออก ผู้ประกอบทั้ง

               สามประเภทมีการรวมตัวกันในรูปของสมาคม คือ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมค้าข้าวไทย และสมาคมผู้ส่งออก
               ข้าวไทย ทำให้อำนาจต่อรองทางการค้าของทุกฝ่ายใกล้เคียงกัน ไม่มีใครมีอำนาจในการกำหนดราคาเพื่อให้ตน

               ได้เปรียบโดยฝ่ายเดียว ดังจะเห็นได้จากความยืดหยุ่นของการส่งผ่านราคามีความสมมาตรทั้งในช่วงราคาขาขึ้นและ
               ขาลง อย่างไรก็ตามพบว่าความยืดหยุ่นการส่งผ่านราคาในระยะยาวยังมีค่าต่ำกว่าหนึ่งเล็กน้อย (ประมาณ 0.8) ผู้

               ส่งออกจะเสนอราคาซื้อข้าวสารสูงขึ้นร้อยละ 80 ของราคาข้าวส่งออกที่สูงขึ้นเพื่อทำกำไรให้ได้มากขึ้น สะท้อนว่าผู้

               ส่งออกยังคงมีความได้เปรียบกว่าโรงสีเล็กน้อยในช่วงราคาขาขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกข้าวมีจำนวนน้อย
               กว่าผู้ประกอบโรงสีข้าว และผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ยังมีสถานทางการเงินค่อนข้างมั่นคง ในขณะที่ผู้ประกอบการ

               โรงสีข้าวส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่อง มีความจำเป็นต้องเร่งขายข้าวเพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ โรงสีข้าวจึงมี

               อำนาจต่อรองน้อยกว่าผู้ส่งออก ในทางตรงกันข้ามเมื่อราคาข้าวส่งออกลดลง ผู้ส่งออกจะลดราคาซื้อข้าวสารลดได้
               เพียงร้อยละ 80 ของราคาที่ลดลงเท่านั้น เนื่องจากผู้ส่งออกจะต้องแข่งขันกันซื้อข้าวสารภายในประเทศเพื่อนำไป
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100