Page 90 -
P. 90

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


                                                                                                           86


                                                           บทที่ 7


                                                    บทสรุปและข้อเสนอแนะ






                       ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยทั้งในด้านการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ประเทศไทย
               ส่งออกข้าวประมาณร้อยละ 50 ของปริมาณผลผลิต การเปลี่ยนแปลงราคาข้าวในตลาดโลกจึงส่งผลกระทบต่อการ

               เปลี่ยนแปลงของราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศ งานศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อวิเคราะห์ทดสอบ

               กลไกการส่งผ่านราคาข้าวส่งออกไปยังราคาข้าวภายในประเทศว่ามีความสมบูรณ์ (complete) และสมมาตร
               (symmetric) หรือไม่ อย่างไร ตลอดจนทบทวนนโยบายและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวของประเทศไทย

               ที่ผ่านมาที่น่าจะมีผลกระทบต่อกลไกการส่งผ่านราคาข้าว เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมต่อไป





               7.1 สรุปผลการศึกษากลไกการส่งผ่านราคาข้าว


                       ห่วงโซ่อุปทานข้าวส่งออกของไทยประกอบด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย แต่ละฝ่ายแบ่งกันทำหน้าที่

               ตามความชำนาญของตน เริ่มต้นจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โรงสีข้าวรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปเป็น

               ข้าวสาร หยงทำหน้าที่เป็นคนกลางในการซื้อขายข้าวสารระหว่างโรงสีและผู้ส่งออก และสุดท้ายผู้ส่งออกข้าวไทย
               จะติดต่อขายข้าวให้กับผู้ซื้อหรือนายหน้าในตลาดต่างประเทศ



                       การกำหนดราคาซื้อขายข้าวมีลักษณะส่งผ่านกันเป็นทอดๆในแต่ละช่วงของห่วงโซ่อุปทานจากปลายน้ำ
               ไปสู่ต้นน้ำ (top-down pricing) เริ่มจากผู้ส่งออกไปตกลงขายข้าวล่วงหน้าให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศโดยยังไม่มี

               ข้าวอยู่ในมือ (หรือที่เรียกว่า short sale) เมื่อตกลงซื้อขายกันและทราบราคาส่งออกแล้ว ผู้ส่งออกจึงค่อยมาไล่ซื้อ

               ข้าวสารภายในประเทศเพื่อนำไปส่งมอบ ผู้ส่งออกจะเสนอราคารับซื้อโดยคำนวณจากราคาส่งออกหักด้วย
               ค่าตอบแทนที่ตนจะได้รับ (margin) โดยแจ้งราคารับซื้อผ่านไปยังหยง จากนั้นหยงก็จะแจ้งราคารับซื้อข้าวสารไป

               ยังโรงสี โดยที่หยงจะได้รับค่านายหน้าตอบแทนจากโรงสีคิดเป็นร้อยละของมูลค่าการซื้อขายข้าว หลังจากนั้นโรงสี

               ก็จะกำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรโดยอ้างอิงจากราคาข้าวสารที่ตนจะขายได้หักด้วยค่าตอบแทนและ
               ต้นทุนการสีข้าว


                       ถ้าหากว่าการซื้อขายข้าวในตลาดมีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ค่าตอบแทนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับจะต้อง

               สะท้อนต้นทุนทางธุรกิจและความเสี่ยง นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของราคาข้าวส่งออกจะต้องส่งผ่านไปยังราคา
   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95