Page 91 -
P. 91
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
87
ข้าวสารและราคาข้าวเปลือกในทิศทางและสัดส่วนเดียวกันอย่างสมบูรณ์และทันที กล่าวคือถ้าผู้ส่งออกขายข้าวได้
ในราคาสูงขึ้น (หรือลดลง) ก็จะเสนอราคารับซื้อข้าวสารสูงขึ้น (หรือลดลง) และเมื่อโรงสีสามารถขายข้าวสารได้ใน
ราคาสูงขึ้น (ลดลง) ก็จะเสนอราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสูงขึ้น (หรือลดลง) ตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม
จากข้อเท็จจริงและการทบทวนวรรณกรรมพบว่าการซื้อขายข้าวภายในประเทศอาจไม่ได้มีการแข่งขันอย่าง
สมบูรณ์ และอาจทำให้กลไกการส่งผ่านราคาไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูณ์ โดยมีอาจสาเหตุมาจากผู้ซื้อมี
อำนาจเหนือตลาดในการกำหนดราคารับซื้อ (market power) และความไม่สมบูณณ์ของข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงราคา (imperfect information) ตลอดจนผลจากมาตรการหรือนโยบายในการรักษาเสถียรภาพ
ราคาข้าวภายในประเทศ ดังนี้
1) อำนาจเหนือตลาด
ห่วงโซ่อุปทานข้าวส่งออกของไทยมีลักษณะเป็นคอขวด ผู้ซื้อมีจำนวนน้อยกว่าผู้ขาย ผู้ส่งออกข้าวไทยมี
จำนวนเพียงแค่ 201 ราย ในขณะที่ผู้ประกอบการโรงสีข้าวมีจำนวน 1,444 ราย นอกจากนั้นยังมีผู้ส่งออกข้าวราย
ใหญ่จำนวนไม่กี่ราย (5 เสือแห่งวงการส่งออกข้าว) ครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนมาก โครงสร้างตลาดที่มีการกระจุก
ตัวของผู้ซื้อเอื้ออำนวยให้ผู้ส่งออกมีความได้เปรียบในการต่อรองราคามากกว่าโรงสีข้าว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ
เปรียบเทียบระหว่างจำนวนผู้ซื้อ (โรงสีข้าว) กับผู้ขาย (เกษตรกร) ในตลาดข้าวเปลือกแล้วจะพบว่ามีความไม่สมดุล
อย่างมาก เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีจำนวนมากถึง 3.71 ล้านครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย นอกจากนั้น
จำนวนโรงสีข้าวยังมีการกระจุกตัวเชิงพื้นที่สูงมาก ประมาณร้อยละ 70 ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคกลาง ส่วนใหญ่เป็น
โรงสีข้าวขนาดใหญ่ ที่เหลือกระจายตัวอยู่ตามภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาด
กลางและขนาดเล็ก ทั้งๆที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนเกษตรกรมากที่สุด โครงสร้างตลาดข้าวเปลือกที่มีการ
กระจุกตัวจึงน่าจะทำให้โรงสีมีอำนาจในการกำหนดราคารับซื้อจากเกษตรกร เมื่อผู้ส่งออกข้าวมีอำนาจตลาด
กำหนดราคารับซื้อขาวสารจากโรงสี และโรงสีมีอำนาจตลาดกำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา การ
เปลี่ยนแปลงราคาข้าวส่งออกอาจสามารถส่งผ่านไปยังราคาข้าวสารและราคาข้าวเปลือกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
2) ความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาข้าว
ราคาข้าวมีความแตกต่างกันอย่างมากตามชนิดและคุณภาพ ทำให้การซื้อขายข้าวส่วนใหญ่จะต้องติดต่อ
ผ่านคนกลางซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการจัดหาและรวบรวมข้าวที่มีชนิด คุณภาพ และปริมาณให้ได้ตรงกับ
ความต้องการและกำหนดเวลาของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าข้าวเปลือกระหว่างเกษตรกรกับโรงสีข้าว และหยง
ระหว่างโรงสีข้าวกับผู้ส่งออก เมื่อการซื้อขายข้าวมีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจทำให้การส่งผ่านข้อมูลการ
เปลี่ยนแปลงราคาข้าวระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมีความล่าช้า ราคาข้าวเปลือกและราคาข้าวสารไม่ตอบสนองต่อการ
เปลี่ยนแปลงราคาส่งออกข้าวในทันที ประกอบกับราคาข้าวมีความผันผวนสูง คนกลางจึงอาจมีช่องทางธุรกิจใน