Page 96 -
P. 96
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
92
ส่งมอบให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนในต่างประเทศเอาไว้แม้ว่าจะได้รับผลตอบแทน
ทางการค้าน้อยลงก็ตาม
ข้าวสาร 5% และ 25% เป็นข้าวชนิดหลักที่มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ผู้ซื้อ
และผู้ขายสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางด้านราคา ในปัจจุบันมีการประกาศราคาอ้างอิงของข้าวสารส่งออกและ
ข้าวสารภายในประเทศทั้งจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย และกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนั้น
การส่งผ่านจากราคาส่งออกไปยังข้าวสารในประเทศที่เกือบจะสมบูรณ์ยังสะท้อนถึงบทบาทหน้าที่ของหยงซึ่งเป็น
คนกลางในการติดต่อซื้อขายระหว่างผู้ส่งออกกับโรงสีข้าว ในปัจจุบันหยงทำหน้าที่ส่งผ่านราคาจากผู้ซื้อไปยังผู้ขาย
ได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้ประกอบการหยงดั้งเดิมต้องเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงจากการ
ปรับเปลี่ยนตัวแบบทางธุรกิจในระบบการค้าข้าว ผู้ส่งออกข้าวเปลี่ยนมาใช้บริการจากหยงซึ่งเป็นบริษัทลูกของ
ตนเอง โรงสีข้าวขนาดใหญ่เริ่มขายข้าวให้กับผู้ส่งออกโดยไม่ผ่านหยงหรือผันตัวมาเป็นผู้ส่งออกเองโดยตรง
นอกจากนั้นผู้ประกอบการหยงจำนวนมากยังประสบปัญหาสภาพคล่องและมองว่าราคาข้าวมีความผันผวนมาก
หยงไม่มีความสามารถมากพอในการแบกรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาข้าว ทำให้หยงไม่นิยมประกอบ
ธุรกิจเป็นผู้ค้าเองโดยเสนอราคาซื้อข้าวของตนเองให้กับโรงสีเพื่อนำไปขายให้กับผู้ส่งออกอีกต่อหนึ่งเพื่อสร้างกำไร
เพิ่มเติมจากส่วนต่างราคาดังที่ผ่านมา ในปัจจุบันเมื่อได้รับราคาซื้อข้าวสารจากผู้ส่งออกมา หยงก็จะเสนอราคานั้น
ต่อผู้ขายและทำหน้าที่รวบรวมข้าวเพื่อส่งให้กับผู้ส่งออก ทำให้การส่งผ่านจากราคาข้าวส่งออกไปยังราคาข้าวสาร
ภายในประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและค่อนข้างสมบูรณ์
3. ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีความยืดหยุ่นน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงราคาข้าวสารหอมมะลิในประเทศ
ความยืดหยุ่นในการส่งผ่านจากราคาข้าวสารหอมมะลิไปยังข้าวเปลือกหอมมะลิมีค่าเพียงแค่ 0.3 ในระยะ
สั้นและ 0.65 ในระยะยาว และราคาข้าวเปลือกปรับตัวได้ช้า ต้องใช้เวลาถึง 9 เดือนในกรณีปรับราคาสูงขึ้น และ 8
เดือนในกรณีราคาลดลง การเปลี่ยนแปลงของราคาข้าวสารเพียงร้อยละ 65 เท่านั้นที่ถูกส่งผ่านไปยังข้าวเปลือก
เกษตรกรจึงไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากการปรับราคาสูงขึ้นของข้าวสารหอมมะลิ แต่ในทางตรงกันราคา
ข้าวเปลือกหอมมะลิก็จะลดลงไม่มากนักถ้าหากราคาข้าวสารหอมมะลิปรับลดลง รายได้เกษตรกรก็จะลดลงไม่มาก
นัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งผ่านราคาข้าวเปลือกเจ้า พบว่าราคาข้าวหอมมะลิมีขนาดการส่งผ่าน
มากกว่าแต่ปรับตัวได้ช้ากว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา
มากกว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเจ้า เนื่องจากข้าวหอมมะลิเป็นข้าวพันธุ์ไวแสง ปลูกได้ปีละครั้ง มีแหล่งเพาะปลูกอยู่ใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (แถบทุ่งกุลาร้องไห้) อุปทานของข้าวเปลือกหอมมะลิมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าอุปทานของ
ข้าวเปลือกเจ้า จึงทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงในช่วงที่กว้างกว่าราคาข้าวเปลือกเจ้า
สาเหตุที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงราคาข้าวสารหอมมะลิส่งต่อไปยังราคาข้าวเปลือกหอมมะลิได้น้อยและ
ค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังนิยมขายข้าวเปลือกผ่านคน