Page 97 -
P. 97
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
93
15
กลาง เช่น พ่อค้า ผู้รวบรวมในท้องถิ่น หรือท่าข้าว ซึ่งคนกลางเหล่านั้นจะต้องหักราคาข้าวส่วนหนึ่งสำหรับ
ต้นทุนและค่าตอบแทนของตน ห่วงโซ่อุปทานที่ยาวขึ้นเพราะต้องผ่านคนกลางทำให้กลไกการส่งผ่านราคาไม่
สมบูรณ์และต้องใช้เวลานาน นอกจากนั้นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากมียุ้ง
16
ฉางจึงสามารถเก็บข้าวเปลือกเอาไว้ในช่วงราคาต่ำและทยอยขายในช่วงราคาปรับดีขึ้น ทำให้ราคาข้าวเปลือก
หอมมะลิเคลื่อนไหวขึ้นและลงไม่มากนัก
ความยืดหยุ่นของราคาข้าวเปลือกหอมมะลิต่อราคาข้าวสารหอมมะลิมีค่าน้อยกว่าหนึ่งยังสะท้อนว่า
เกษตรกรมีอำนาจต่อรองและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านราคาด้อยกว่าโรงสี ข้าวหอมมะลิจัดเป็น
ข้าวพรีเมียม ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพเป็นสำคัญ โรงสีสามารถใช้คุณภาพข้าวเป็นกลยุทธ์ใน
การต่อรองเพื่อกำหนดราคารับซื้อได้ นอกจากนั้นเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากยังขาดช่องทาง
ในการเข้าถึงข้อมูลด้านราคาที่ถูกต้องและทันสมัย เกษตรกรส่วนใหญ่ทราบข้อมูลราคาจากเพื่อนบ้าน กลุ่ม
เกษตรกร และสหกรณ์ เป็นหลัก และอาจรับรู้จากแหล่งอื่นบ้าง เช่น ประกาศหน้าโรงสี หรือข่าวโทรทัศน์ (รวิส
สาข์ และคณะ, 2556) ทำให้โรงสีข้าวมีความได้เปรียบในการกำหนดราคาเหนือกว่าเกษตรกร
4. การส่งผ่านราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังราคาข้าวสารหอมมะลิภายในประเทศไม่สมบูรณ์และราคา
ข้าวสารมีการปรับขึ้นลงไม่สมมาตรกัน
ถึงแม้ว่าผลกระทบระยะสั้นของราคาส่งออกข้าวหอมมะลิที่มีต่อราคาข้าวสารหอมมะลิในประเทศจะ
เท่ากันสำหรับกรณีราคาปรับขึ้นและปรับลง คือมีค่าเท่ากับ 0.1310 แต่ผลกระทบในระยะยาวนั้นแตกต่างกัน ค่า
ความยืดหยุ่นในระยะยาวของราคาข้าวสารหอมมะลิในประเทศต่อการปรับตัวสูงขึ้นของราคาส่งออกข้าวหอมมะลิ
เท่ากับ 0.4871 แต่ความยืดหยุ่นระยะยาวของราคาข้าวหอมมะลิในประเทศต่อการปรับลดลงของราคาส่งออกข้าว
หอมมะลิมีขนาดมากกว่า คือ 0.6536 โดยการปรับราคาใช้เวลาค่อนข้างนาน คือ 8 เดือน
ราคาข้าวสารหอมมะลิมีความยืดหยุ่นต่อราคาส่งออกค่อนข้างน้อย เนื่องจากผลผลิตข้าวสารหอมมะลิ
มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นข้าวบรรจุถุงหรือกระสอบเพื่อขายตลาดภายในประเทศ ข้าวสารหอมมะลิส่งออกมีส่วนแบ่ง
เพียงแค่ร้อยละ 40 ของผลผลิตรวม (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2562) ทำให้ราคาข้าวสารหอมมะลิใน
ประเทศไม่ขึ้นอยู่กับราคาส่งออกมากนัก นอกจากนั้นข้าวเปลือกหอมมะลิเกือบทั้งหมดจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน
พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ทำให้โรงสีข้าวสามารถใช้วิธีการบริหารจัดการสต๊อกเพื่อรักษาสเถียรภาพของราคาและ
รายได้ โดยโรงสีข้าวจะรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเก็บไว้และทยอยขายตลอดปี โรงสามารถเก็บรักษา
15 อรวรรณ ศรีโสมพันธ์ และคณะ (2557) พบว่าเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 41.9 ขายข้าวเปลือกหอมมะลิผ่านคนกลาง
16 รวิสสาข์ สุชาโต และคณะ (2556) พบว่ามีเกษตรกรรวมร้อยละ 61.1 จะเก็บข้าวไว้ช่วงหนึ่งก่อนเพื่อรอราคาดี มีเพียงร้อยละ 34.7 ที่ต้องขายข้าว
ทันทีเพราะเดือดร้อนต้องการเงิน