Page 43 -
P. 43

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


                                                                                                           39


                       ทุกวันนี้มีข้อโต้แย้งความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าโรงสีข้าวมีอำนาจเหนือตลาดและกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร

               เช่น วิโรจน์ (2559) และ พิเศษพร (2562) เนื่องจากในปัจจุบันโรงสีข้าวมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่เป็นจำนวนมาก
               มีจำนวนโรงสี 1,444 ราย  มีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 300,000 ตันต่อวัน เมื่อคิดรวมทั้งปีเท่ากับว่าโรงสีมี
                                     10
                                                                        11
               กำลังการผลิตมากกว่าปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 3 - 4 เท่า  (ศูนย์ข่าวกระทรวงพาณิชย์, 2559) ทำให้
               ผู้ประกอบการโรงสีจำเป็นต้องแข่งขันกันรับซื้อข้าวเปลือก เกษตรกรมีทางเลือกและช่องทางในการขายข้าวเปลือก
               มากขึ้น (ฐานเศรษฐกิจ, 2562) โรงสีจึงไม่น่าจะมีอำนาจเหนือตลาดในการกดราคารับซื้อข้าวเหมือนแต่ก่อน โดย

               อาจเห็นได้จากในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีผู้ประกอบการโรงสีจำนวนมากต้องเลิกกิจการไป แต่ถ้าหากพิจารณาจากการ

               กระจายตัวของโรงสีข้าว พบว่าโรงสีข้าวจำนวนมาก (ประมาณร้อยละ 70 ของจำนวนโรงสี) โดยเฉพาะโรงสีข้าว
               ขนาดกลางและขนาดใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเขตภาคกลางและภาคกลางตอนบน ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

               และภาคใต้มีจำนวนโรงสีข้าวน้อยมากเมื่อเทียบกับผลผลิตโดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว อาจเกิดความไม่สมดุล

               ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ในบางพื้นที่มีโรงสีจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเกษตรกรและปริมาณผลผลิต
               ข้าวเปลือก ก็อาจเป็นไปได้ที่โรงสีเฉพาะในบางพื้นที่จะยังมีอำนาจเหนือตลาดในการกำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือก

               จากเกษตรกรอยู่

                       กระทรวงพาณิชย์มีกฎเกณฑ์กำหนดให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องระบุราคารับซื้อข้าวเปลือกตามมาตรฐาน
               ความชื้นที่รับซื้อ อัตราการหักลดความชื้นและน้ำหนักสิ่งเจือปนให้เห็นได้ชัดเจน ณ บริเวณหน้าสถานที่รับซื้อ

               รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์เครื่องมือวัดความชื้นและอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดที่เป็นมาตรฐาน นอกจากนั้นยังมีรายงาน

               ราคาข้าวเปลือกประจำวันจากการสืบราคาจากตลาดกลางและโรงสีในพื้นที่ ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันมิให้เกษตรกรถูก
               เอาเปรียบ อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประสิทธิผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน คือ

               ความสามารถในการกำกับดูแลและกวดขันของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ความสามารถในการสืบค้นและประกาศข้อมูล

               ราคากลางที่เที่ยงตรงและทันต่อเหตุการณ์ และเกษตรกรมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากน้อย
               เพียงใด

                       ถึงแม้ภาครัฐมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเสียเปรียบของเกษตรกรในด้านอำนาจการต่อรอง

               และด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบ แต่วิธีการขายข้าวของเกษตรกรอาจมีส่วนทำให้
               เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาต่ำ ในปัจจุบันเกษตรกรนิยมขายผลผลิตเป็นข้าวเปลือกสด เนื่องจากปัญหาขาดแคลน

               แรงงานและไม่มีสถานที่เก็บข้าวเปลือก ทำให้โรงสีต้องหักค่าใช้จ่ายในการลดความชื้นและปรับคุณภาพข้าว อาจ



               10  http://gis.dit.go.th/region/Report/rp_place.aspx?poid=1&pid=3


               11  โรงสีก็มีการขยายการลงทุนและเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่รัฐบาลดำเนินนโยบายประกันราคาข้าว
               และโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้ปริมาณข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อสิ้นสุดยุคนโยบายประกันราคาคาข้าวและโครงการรับจำนำข้าวจึงทำให้โรงสีมี
               กำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มหาศาล
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48