Page 6 -
P. 6
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สัตว์สามารถใช้ประโยชน์จากคาร์โบไฮเดรทแต่ละชนิดได้ไม่เท่ากัน โดยสามารถใช้คาร์โบไฮ
เดรทที่สามารถละลายได้ (nitrogen-free-extract: NfE) ซึ่งได้แก่ แป้ง น้ำตาล ที่สัตว์ใช้เป็น
แหล่งพลังงานหลัก แต่สารประกอบชนิดอื่นในส่วนนี้ อาทิสารโอลิโกแซคคาไรด์
(oligosaccharides) และสารเพคติน (pectin) แม้ว่ามีคุณสมบัติในการละลายได้เช่นเดียวกัน
แต่สัตว์มีความสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน คาร์โบไฮเดรทอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็น
องค์ประกอบของผนังเซลล์ของพืช เช่น เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) และ
ลิกนิน (lignin) มีคุณสมบัติไม่ละลายในสารละลายที่เป็นกรดหรือด่างอย่างอ่อน สัตว์สามารถ
นำไปใช้ประโยชน์ได้น้อยหรือไม่ได้เลย จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า เยื่อใยรวม (crude fiber)
โดยกลุ่มของคาร์โบไฮเดรทที่นอกเหนือจากแป้งและน้ำตาลเหล่านี้เรียกรวมว่า คาร์โบไฮเดรท
ที่ไม่ใช่แป้ง (non-starch polysaccharide: NSP) (รูปที่ 1-2) สารกลุ่มนี้จะเป็นตัวกำหนด
คุณภาพของอาหารสำหรับสัตว์กระเพาะเดี่ยว ถ้ามีคาร์โบไฮเดรทที่ไม่ใช่แป้งสูงมากขึ้นมีผลให้
คุณภาพของอาหารสำหรับสัตว์กระเพาะเดี่ยวด้อยลง เนื่องจากร่างกายสัตว์ขาดเอ็นไซม์ที่ใช้
ย่อยสลายโครงสร้างดังกล่าว
คาร์โบไฮเดรท (carbohydrate)
เยื่อใยรวม คาร์โบไฮเดรทที่ละลายได้
(crude fiber) (nitrogen free extract: NfE)
ลิกนิน เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส เพคติน โอลิโกแซคคาไรด์ แป้งและน้ำตาล
(lignin) (cellulose) (hemicellulose) (pectin) (oligosaccharide) (starch & sugar)
คาร์โบไฮเดรทที่ไม่ใช่แป้ง (non-starch polysaccharide: NSP)
รูปที่ 1-2: การแบ่งประเภทของคาร์โบไฮเดรทในแหล่งอาหารจากพืช
ที่มา: Verdonk et al. (1997)
ส่วนประกอบของอาหาร 3