Page 249 -
P. 249
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1. การเพิ่มการใช้ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรทและโปรตีน ซึ่งไม่ได้ถูกย่อยด้วยเอ็นไซม์
ภายในร่างกายของสัตว์
2. การทำลายพันธะเฉพาะที่พบในวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งเอ็นไซม์ในร่างกายไม่สามารถ
ย่อยได้ ทำให้ร่างกายสัตว์ได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น
3. การทำลายสารยับยั้งการใช้ประโยชน์ของสารอาหารที่พบในวัตถุดิบอาหารสัตว์
4. การเพิ่มปริมาณเอ็นไซม์ให้กับสัตว์ระยะเล็กซึ่งร่างกายยังผลิตเอ็นไซม์ที่ใช้ย่อย
อาหารได้ไม่เต็มที่
ทั้งนี้สามารถแบ่งกลุ่มของเอ็นไซม์สังเคราะห์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มเอ็นไซม์ที่ร่างกายสัตว์สามารถสร้างขึ้นเองได้ อาทิ อะไมเลสสำหรับย่อยแป้ง ไลเปส
สำหรับย่อยไขมัน และโปรติเอสสำหรับย่อยโปรตีน นิยมเสริมในช่วงสัตว์ระยะเล็กเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพการย่อยสารอาหารหลัก
2. กลุ่มเอ็นไซม์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้ ได้แก่ไฟเตส (phytase) สำหรับย่อยฟอสฟอรัส
จากกรดไฟติคหรือเกลือไฟเตทจากพืช และเอ็นไซม์ที่ย่อยกลุ่มคาร์โบไฮเดรทที่ไม่ใช่แป้ง (NSP-
degraded enzymes)
เอ็นไซม์ไฟเตส
โดยปกติฟอสฟอรัสจากพืชถึงสองในสามส่วนอยู่ในรูปของกรดไฟติคหรือเกลือไฟเตท (ตารางที่
13-3) ซึ่งร่างกายของสัตว์กระเพาะเดี่ยวไม่สามารถนำมาใช้ได้ จึงขับออกกับสิ่งขับถ่าย ก่อให้-
เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทั้งนี้เนื่องจากขาดเอ็นไซม์ไฟเตส ในปัจจุบันจึงได้มีการผลิต
ไฟเตสจากจุลินทรีย์บางชนิด เช่นกลุ่มเชื้อรา Aspergillus ficuum, Aspergillus niger กลุ่ม
ยีสต์ (Saccharomyces occidentalis ) กลุ่มแบคทีเรีย Pseudomonas spp. และ
Bacillus subtilis การใช้ไฟเตสสามารถช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์ของฟอสฟอรัสสูงขึ้น 20.5-
40.9% และแร่ธาตุอื่นๆ ในอาหารสัตว์อาทิ แคลเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง (Pallauf et al.
1994) ทำให้สามารถลดการใช้แหล่งเสริมฟอสฟอรัสในอาหารสัตว์ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึง
ระดับของไฟเตท-ฟอสฟอรัสในอาหารด้วย
สารเสริมในอาหารสัตว์ 246