Page 245 -
P. 245
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คุณสมบัติในการเป็นสารพรีไบโอติคของสารแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน โดย FOS และ TOS
มีความสามารถช่วยให้มีการเจริญและการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์กลุ่มที่เป็นประโยชน์ใน
ทางเดินอาหาร โดยเฉพาะกลุ่ม Bifidobacterium sp. และ Lactobacillus sp. ได้ดีกว่า
สารพรีไบโอติคกลุ่มอื่น ๆ (Djouzi and Andrieux, 1997)
กรดอินทรีย์ (organic acids)
สัตว์ระยะเล็กมักเกิดอาการท้องเสีย เนื่องจากพัฒนาการของระบบทางเดินอาหารยังไม่สมบูรณ์
ทำให้การย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการเจริญและแพร่กระจายของจุลินทรีย์ใน
ทางเดินอาหารโดยเฉพาะกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรค จึงได้มีการใช้กรดอินทรีย์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิ-
ภาพการย่อยอาหารและปรับสมดุลจุลินทรีย์ กรดอินทรีย์หรือกรดคาร์บอกซิลิค (carboxylic
acid) เป็นสารที่พบได้โดยทั่วไปทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ โครงสร้างประกอบด้วยหมู่คาร์บอ
นิค (-C=O) และหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) (รูปที่ 13-2) กรดอินทรีย์มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน เมื่ออยู่ใน
น้ำจะแตกตัวให้ไอออนได้ และให้ค่าความเป็นกรดที่แตกต่างกันขึ้นกับสภาวะความเป็นกรด-
ด่างที่ปรากฏในขณะนั้น
O
R C OH
รูปที่ 13-2: โครงสร้างของกรดอินทรีย์
+
ซึ่งค่าที่แสดงความสามารถในการปลดปล่อยความเป็นกรด (H ) ออกมาเรียกว่า "pKa" ซึ่งเป็น
ค่าที่บ่งบอกถึงความเป็นกรด โดยสารที่ให้ความเป็นกรดแต่ละชนิดจะปลดปล่อยไฮโดรเจน
ไอออนออกมาในปริมาณครึ่งหนึ่ง กรดอินทรีย์ที่มีค่า pKa ต่ำกว่าค่าความเป็นกรด-ด่างของ
สารละลายจะสามารถแตกตัวได้สูง แต่ถ้า pKa ของกรดอินทรีย์ที่แตกตัวมีค่าสูงกว่าค่าความ
เป็นกรด-ด่างของสารละลายจะแตกตัวได้ต่ำ กรดบางชนิดมีค่า pKa เพียงค่าเดียวแต่บางกรดมี
มากกว่า 1 ค่า (ตารางที่ 13-1) ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถของกรดในการปลดปล่อยไฮโดร-
เจนไอออนออกมาในช่วงความเป็นกรด-ด่างที่หลากหลาย จากคุณสมบัติดังกล่าวการเสริมกรด
สารเสริมในอาหารสัตว์ 242