Page 213 -
P. 213
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น่ากินของอาหารลดลง สัตว์กินอาหารลดลง การใช้กากน้ำตาลในสูตรในระดับไม่เกิน 4% หรือ
การใช้ไขมันเสริมในสูตรอาหารจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
• การขาดสารให้สี สารให้สีมีความสำคัญมากในการผลิตสัตว์ปีกทั้งไก่เนื้อและไก่ไข่ มี
ผลให้ผิวหนังของไก่เนื้อและไข่แดงของไข่ไก่มีสีเข้มขึ้น แต่ในมันสำปะหลังขาดสารให้สี การใช้
มันสำปะหลังในอาหารสัตว์ดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ร่วมกับวัตถุดิบที่เป็นแหล่งสารให้สีทั้งสารให้สี
ธรรมชาติเช่น ใบกระถินซึ่งมี แซนโธฟิลล์ (xanthophyll) ในระดับสูง หรือการใช้สารให้สี
สังเคราะห์
• ไขมันต่ำและขาดกรดไขมันที่จำเป็น มันสำปะหลังมีไขมันต่ำกว่า 1 % จึงทำให้สัตว์
ได้รับไขมันและกรดไขมันที่จำเป็นน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับข้าวโพด อีกทั้งการใช้มันสำปะ-
หลังในระดับสูงในสุกรระยะขุนมีผลให้ไขมันในซากแข็ง เนื่องจากสัตว์ได้รับพลังงานเกินความ
ต้องการ ร่างกายสัตว์นำพลังงานส่วนเกินไปสร้างเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวแล้วสะสมในร่างกาย
โดยปกติไม่ควรใช้มันสำปะหลังในอาหารสัตว์ระยะเล็ก แต่อาหารสัตว์ระยะรุ่นและขุนสามารถ
ใช้ได้เต็มที่ ทั้งนี้จำเป็นต้องปรับระดับสารอาหารอื่น ๆ ในสูตรให้สมดุลและต้องคำนึงถึงต้นทุน
ค่าอาหารทั้งหมดด้วย สำหรับสัตว์กระเพาะรวมปกตินิยมใช้มันสำปะหลังเป็นแหล่งพลังงานใน
อาหารข้นอยู่แล้ว
ข้าวโพด (corn) เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอาหารสัตว์ มีระดับโปรตีนประมาณ 6-8%
และไขมัน 4-7% ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ระดับพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้สำหรับสุกรและสัตว์ปีกมี
ค่าประมาณ 3,200-3,300 กิโลแคลอรี่/กก. ข้อดีของข้าวโพดคือมีสารให้สีเหลืองในระดับ
ค่อนข้างสูง ประมาณ 16 มก/กก จึงนิยมใช้ข้าวโพดเป็นแหล่งพลังงานสำหรับสัตว์ปีก อีกทั้งมี
ไขมันและกรดไขมันที่จำเป็น แต่ข้าวโพดมักขาดกรดอะมิโนไลซีนและทริฟโตเฟน จำเป็นต้องมี
การปรับระดับของกรดอะมิโนทั้ง 2 โดยการใช้ร่วมกับวัตถุดิบที่ให้โปรตีนหรือการเสริมกรดอะ
มิโนสังเคราะห์ ปัญหาที่พบในข้าวโพดคือการปนเปื้อนด้วยสารพิษจากเชื้อรา (mycotoxin)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอะฟลาทอกซิน (aflatoxin) ซึ่งมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของ
สัตว์โดยตรง
วัตถุดิบอาหารสัตว์ 210