Page 209 -
P. 209
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2.2.2 การเสริมสารที่ยับยั้งกระบวนการหมัก โดยการใช้กรดอนินทรีย์ เช่น กรดไฮโดรคลอริค
และกรดซัลฟูริค เติมในพืชหมักเพื่อลดค่าความเป็นกรด-ด่างให้ต่ำกว่า 4.0 ทำให้เชื้อจุลินทรีย์
เจริญเติบโตไม่ได้ ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้กรดอินทรีย์แทน เช่นกรดฟอร์มิก เนื่องจากมีความรุน-
แรงน้อยกว่ากรดอนินทรีย์ และการใช้กรดอินทรีย์ให้ผลที่ดีกว่าในแง่กระตุ้นให้สัตว์กินอาหาร
มากขึ้นและสมรรถภาพการผลิตของสัตว์ดีขึ้น (ตารางที่ 12-2) อย่างไรก็ตามคุณค่าทางอาหาร
ของพืชหมักสามารถผันแปรตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้คือ
• ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดในพืช กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่
เกิดขึ้นจากการทำงานของเอ็นไซม์ต่าง ๆ ในพืชจะเริ่มตั้งแต่ตัดต้นพืชจนกระทั่งนำพืชมาหมัก
โดยการสลายคาร์โบไฮเดรทในพืชได้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และความร้อน ทำให้พืช
มีอุณหภูมิสูงขึ้น มีผลเสียต่อคุณค่าทางอาหาร
ตาราง 12-2: เปรียบเทียบคุณค่าทางอาหารของหญ้าหมักด้วยสารเสริม 2 ชนิด
ไม่เสริม กรดฟอร์มิค กรดซัลฟูริค
และฟอร์มาลิน
วัตถุแห้ง (กรัม/กก.) 181 184 176
ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) 3.8 3.7 4.0
ค่าการย่อยได้ของวัตถุแห้ง 0.74 0.74 0.72
พลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้ (MJ/Kg DM) 12.1 11.3 10.3
ปริมาณการกินหญ้าหมัก (กรัม/วัน) 1020 1106 1020
อัตราการเจริญเติบโต (กรัม/วัน) 200 231 236
ที่มา: McDonald et al. (1995)
• สภาพสรีระของพืช อาทิ ชนิดของพืช ระยะการเจริญเติบโต ลักษณะรูปร่าง และ
ความชื้นของพืชมีผลต่อคุณค่าทางอาหาร พืชที่ใช้ทำพืชหมักควรมีคาร์โบไฮเดรทในระดับสูง
เพื่อให้จุลินทรีย์เปลี่ยนให้เป็นกรดแลคติค พืชตระกูลถั่วซึ่งมีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรทต่ำจะให้
พืชหมักที่มีคุณภาพด้อยกว่า นอกจากนี้พืชที่ใช้ทำพืชหมักควรอยู่ในระยะที่เริ่มออกดอกหรือ
หลังจากนั้นเล็กน้อย เพราะหากพืชมีอายุมากขึ้นคุณค่าทางอาหารจะยิ่งลดลง และพืชที่มี
ความชื้นสูงจะให้พืชหมักที่มีคุณภาพต่ำเนื่องจากจุลินทรีย์บางประเภทสามารถเจริญเติบโตได้
วัตถุดิบอาหารสัตว์ 206