Page 115 -
P. 115

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
                                                                ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร




                         ศักราชที่ในเมืองไทยมี พุทธศักราช จุลศักราช มหาศักราช ฮิจเราะห์ศักราช อัญชนะ
                  ศักราช กลียุคศักราช ศักราชกฎหมาย รัตนโกสินทรศก


                         มหาศักราช + ๖๒๑ = พ.ศ.

                         อัญชนะศักราช = พ.ศ. + ๑๔๗

                         กลียุคศักราช = พ.ศ. + ๒๕๕๘

                         คริสต์ศักราช + ๕๔๓ = พ.ศ.

                         รัตนโกสินทรศก + ๒๓๒๔ = พ.ศ.


                         ฮิจเราะห์ศักราชปีหนึ่งมี ๓๕๔ วัน ตัวเลขบวกลบจึงเปลี่ยนไปไม่คงที่ ปัจจุบัน ฮ.ศ. +
                  ๑๑๒๒ = พ.ศ. (เมื่อเริ่ม ฮ.ศ. ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๑๑๖๕)

                         ศักราชกฎหมายคือมหาศักราชที่คลาดเคลื่อนไป เพราะพระเจ้าปราสาททองทรงลบ

                  ศักราชเปลี่ยนนักษัตรไป ๒ ปี ฉะนั้น ศักราชกฎหมาย + ๖๒๓ = พ.ศ.

                         ปัจจุบันนี้ทราบว่า พ.ศ. เกินความจริงไป ๑ รอบ ๖๐ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๐ นี้ พระพุทธเจ้า

                  ปรินิพพานไปเพียง ๒,๔๙๐ ปี และวันมหาสงกรานต์ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายนนั้น เป็น
                  วันอาทิตย์ยกเข้าราศีเมษ กลางวันกลางคืนเท่ากัน ซึ่งทั่วโลกก็ปรับปฏิทินให้วันเช่นนี้ตรงกับ
                  ๒๑ มีนาคม ฉะนั้นตำาแหน่งพระอาทิตย์ที่เราคำานวณได้จึงคลาดเคลื่อนไปแล้ว ๒๓ วัน และ

                  จะเป็น ๒๔ วันในปีสองปีนี้

                         ในปีที่พระนเรศวรชนช้าง วันสงกรานต์และวันเถลิงศกคลาดเคลื่อนน้อยกว่าปัจจุบันไป

                  ๗ วัน ผู้คำานวณวันยุทธหัตถีจึงคำานวณผิดไป ๗ วัน คือได้เป็นวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕
                  แต่ความจริง หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้คำานวณไว้ก่อนหน้านั้น ๑๐ ปีแล้วว่าตรงกับ ๑๘

                  มกราคม และให้ดาราคารหมุนดวงดาวกลับไปวันที่ ๑๘ มกราคมแล้ว พระจันทร์แหว่งไป
                  นิดเดียว คือ แรม ๒ คำ่า ตรงตามวันยุทธหัตถี ถ้า ๒๕ มกราคมจะเป็น แรม ๙ คำ่า พระจันทร์

                  แหว่งไปมากแล้ว ปัจจุบันกองทัพบกจึงยอมรับ ๑๘ มกราคม ๒๑๓๕ เป็นวันยุทธหัตถี ตามที่
                  ผมคำานวณสอบทานและนำาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

                         สุดท้ายคณิตศาสตร์มาช่วยประวัติศาสตร์ได้ดังนี้ ผมไปทำางานต่างจังหวัด ๓ ปี ไม่ได้

                  เงินเดือนขึ้น กลับมาเมื่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว เคยได้เงินเดือนขึ้น ๑๗๐ บาท
                  เป็น ๑๙๐ บาท และ ๒๐๐ บาท ใน ๑ ปี นับว่าเป็นที่ฮือฮาไปทั้งกระทรวงเกษตรฯ คุณหลวง

                  สุวรรณวาจกกสิกิจสนับสนุนให้ผมเป็นชั้นเอก ขั้น ๓๕๐ บาท จากขั้น ๒๐๐ บาท ซึ่งจะต้อง
                  เลื่อนเหมือน ๑๑ ขั้น จึงกล่าวถึงความสามารถของผมว่ารู้โหราศาสตร์ คณิตศาสตร์

                  ประวัติศาสตร์ ดนตรี ฯลฯ ผมก็เกรงว่าคณบดีจะคัดค้าน เพราะผมย้ายมาจากแม่โจ้ ซึ่งท่าน

                                                                                             113
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120