Page 22 -
P. 22
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน 2555) 11
เมื่อถึงเวลาภัตกาล เจ้าภาพต้องไปนิมนต์พระสงฆ์มาฉันภัตตาหารที่
เตรียมไว้ ดังที่นายจุนทะช่างโลหะได้กราบทูลเชิญพระพุทธเจ้าพร้อมพระภิกษุสงฆ์
มาฉันภัตตาหารเช้า ดังความในจุนทสูตรว่า
เมื่อราตรีล่วงไป นายจุนทะช่างโลหะสั่งให้ตกแต่งขาทนีย
โภชนียาหารอันประณีต รวมทั้งสูกรมัททวะปริมาณมาก ในนิเวสน์
ของตน แล้วกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ถึงเวลาแล้วภัตพร้อมแล้ว”
ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองจีวร
ถือบาตรและสังฆาฏิ เสด็จไปยังนิเวสน์ของนายจุนทะช่างโลหะ
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์แล้วประทับนั่งเหนืออาสนะที่ปูลาดถวาย
(จุนทสูตร: 166)
พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ทรงครองจีวร ถือบาตรและสังฆาฏิเสด็จเข้าไป
ในบ้านของนายจุนทะ และนั่งบนอาสนะที่นายจุนทะปูลาดถวาย พระภิกษุสงฆ์จะ
ฉันภัตตาหารได้ต่อเมื่อมีผู้อังคาส หมายถึงการถวายหรือการประเคน ดังที่
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทในพระวินัยปิฎกเล่มที่ 2 มหาวิภังค์ ในปาจิตติย
กัณฑ์ หมวดโภชนวรรค สิกขาบทที่ 10 ห้ามภิกษุฉันอาหารที่ไม่ได้รับประเคน
ยกเว้นน้ าและไม้สีฟัน
การถวายภัตตาหารเริ่มจากการถวายพระพุทธเจ้า ต่อจากนั้นจึงประเคน
พระภิกษุองค์อื่นๆ ดังตัวอย่างใน ปาฏลิคามิยสูตร ว่า
...ล าดับนั้น สุธีนะและวัสสการะมหาอ ามาตย์แห่งแคว้นมคธ
อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนี
ยาหารอันประณีต ให้อิ่มหน าส าราญด้วยมือของตน (ปาฏลิคามิย
สูตร: 177-178)