Page 21 -
P. 21
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
10 วารสารมนุษยศาสตร์
ประเพณีท าบุญเลี้ยงพระ
ในสมัยพุทธกาล การนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาฉันภัตตาหารที่บ้านสามารถ
นิมนต์ด้วยวาจาได้โดยตรง ดังที่ปรากฏในคัมภีร์อุทาน เมื่อครั้งนายจุนทะช่างโลหะ
นิมนต์พระพุทธเจ้าไปรับภัตตาหารที่เรือนของตนว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
จงทรงรับภัตของข้าพระองค์เพื่อเสวยในวันพรุ่งนี้ พระเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ ล าดับนั้นนายจุนทะ
ช่างโลหะทราบว่าพระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์แล้ว ลุกจากอาสนะ
ถวายบังคม กระท าประทักษิณแล้วหลีกไป (จุนทสูตร: 165)
เมื่อทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าแล้ว หากพระพุทธองค์ทรงนิ่งเฉยหมายถึงทรง
รับค านิมนต์ ดังนั้น เมื่อนายจุนทะเห็นอาการดังกล่าว จึงถวายบังคมลา กระท า
ประทักษิณแล้วออกไป ส่วนการนิมนต์พระสงฆ์ในปัจจุบัน สามารถนิมนต์ด้วย
วาจา และท าฎีกานิมนต์เป็นลายลักษณ์ โดยท าเป็นหนังสือฎีกานิมนต์มี
รายละเอียดข้อความดังนี้ “ขออาราธนาพระคุณเจ้า (เจริญพระพุทธมนต์หรือแสดง
พระธรรมเทศนา) ในงาน(มงคลท าบุญฉลองอายุ) ที่บ้าน (เลขที่...ต าบล...ฯลฯ)
ก าหนด ณ วันที่ (4 ธันวาคม พ.ศ.2496) เวลา (16.00 น.) รุ่งขึ้น (เช้าหรือเพล) รับ
ภัตตาหาร” (เสฐียรโกเศศ,2546: 14)
เมื่อนิมนต์พระแล้ว เจ้าของบ้านต้องจัดเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย ปูลาด
อาสนะ จัดเตรียมของใช้ที่จ าเป็น และเตรียมภัตตาหารให้เรียบร้อย ภัตตาหารที่
จัดเตรียมถวายต้องท าอย่างประณีต ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างเมื่อนายจุนทะสั่งคน
ให้ตกแต่งอาหารอย่างประณีตว่า “นายจุนทะช่างโลหะสั่งให้ตกแต่งโภชนียาหารอัน
ประณีต รวมทั้งสูกรมัทวะ” (จุนทสูตร:166) หรือผู้ที่นิมนต์จัดท าภัตตาหารถวายเอง
อย่างประณีต เช่น นางสุปปวาสาจัดขาทนียโภชนียาหารอย่างประณีตด้วยมือของ
นางเองเป็นเวลาเจ็ดวัน ดังความว่า “ครั้งนั้น พระนางสุปปวาสโกลิยธิดา ทรงอังคาส
ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยพระ
หัตถ์ของพระนางทั้งสิ้นเจ็ดวัน” (สุปปวาสสูตร: 46)