Page 17 -
P. 17

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


          6    วารสารมนุษยศาสตร์

                 หม่อมฉัน จงทูลถามถึงพระสุขภาพ พลานามัย ความสมบูรณ์
                 พระก าลัง และความอยู่ส าราญ และกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์
                 ผู้เจริญ นางสุปปวาสาโกลิยธิดา ถวายบังคมพระบาทของพระผู้

                 มีพระภาค ด้วยเศียรเกล้าและทูลถามถึงพระสุขภาพ พลานามัย
                 ความสมบูรณ์พระก าลัง และความอยู่ส าราญ” และจงกราบทูล
                 อย่างนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางสุปปวาสาทรงครรภ์อยู่
                 เจ็ดปี และเจ็บครรภ์ติดต่อมาเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่แม้นางจะรู้สึก
                 เสียดแทง เจ็บ ปวด รวดร้าว นางก็อดกลั้นได้ ด้วยการตรึกสาม
                 ข้อว่า “พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ

                 พระนิพพานเป็นสุขจริงหนอ ไม่มีทุกข์เห็นปานนี้” (สุปปวาสาสูตร:
                 42-43)

                 เมื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว เมื่อกลับต้องถวายบังคมลา ดังเช่น
          เหตุการณ์เมื่อพระสวามีของนางสุปปวาสาโกลิยธิดาเสร็จกิจธุระของตนแล้ว ก็ลุก

          จากอาสนะ ถวายบังคม แล้วกระท าประทักษิณ ดังความในสุปปวาสาสูตรว่า

                        พระราชบุตรของพระเจ้าโกลิยะทูลรับพระด ารัสแล้ว
                 ทรงชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค เสด็จลุกขึ้นจาก
                 อาสนะ ถวายบังคม กระท าประทักษิณแล้วเสด็จกลับไปสู่นิเวสน์
                 ของตน

                 ในสมัยพุทธกาล การถวายความเคารพพระพุทธเจ้าเมื่อลากลับแตกต่าง

          จากปัจจุบันกล่าวคือ เมื่อถวายบังคมแล้ว จะท าประทักษิณคือ เดินเวียนขวารอบ
          พระพุทธเจ้าเพื่อแสดงความเคารพ การกระท าประทักษิณเป็นการแสดงความ
          เคารพบุคคลผู้ควรบูชารวมถึงพระภิกษุสงฆ์ด้วย ดังตัวอย่างเช่น เมื่อพระโสณะได้
          ฟังค าของพระมหากัจจานะที่อนุญาตให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ก่อนจะไปได้กระท า
          ประทักษิณรอบพระมหากัจจานะ ดังความที่บรรยายไว้ว่า “ท่านพระโสณะชื่นชม
          ยินดีภาษิตของท่านพระมหากัจจานะแล้ว ลุกจากอาสนะ อภิวาทท่านพระมหากัจจานะ

          กระท าประทักษิณ (หลีกไป)...” (โสณสูตร: 120)
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22