Page 82 -
P. 82

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





                       เกษตรกรในพื้นที่สามารถเลือกขายเมล็ดกาแฟให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอย่างเดียว หรือ ขายให้กลุ่มย่อย

               กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งซึ่งต่างก็มีตลาดของตัวเองหรือจะแบ่งบางส่วนขายให้กลุ่มวิสาหกิจที่เหลือขายให้กลุ่มย่อยก็ได้
               หรือจะขายให้พ่อค้าขาจรที่มารับซื้อแต่ก็ต้องเผชิญปัญหาความไม่แน่นอน ปัจจุบันในพื้นที่มีกลุ่มย่อยๆที่เป็น

               ผู้รับซื้อ (นอกเหนือจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน) อีก 7 กลุ่ม ในการเสนอราคารับซื้อ กลุ่มวิสาหกิจจะเป็นผู้เสนอ

               ราคาก่อนโดยอิงจากราคาตลาด แล้วจากนั้นกลุ่มอื่นๆ ก็จะขยับราคาตามกัน อย่างไรก็ดี เนื่องจากการแข่งขัน
               รับซื้อที่มีค่อนข้างมากในพื้นที่ บางครั้งแม้กลุ่มวิสาหกิจจะเป็นผู้กําหนดราคารับซื้อในพื้นที่รายแรก แต่ก็มัก

               ต้องขยับราคาสูงขึ้นในภายหลังเพื่อให้สามารถผลิตกาแฟได้ตามปริมาณที่ตกลงกับลูกค้าปลายทางไว้แล้ว
                       ผลผลิตกาแฟสารโดยรวมของทั้ง 8 กลุ่ม มีทั้งหมดเกือบ 300 ตันต่อปี เป็นของกลุ่มวิสาหกิจประมาณ

               100  ตัน ที่เหลือเป็นของกลุ่มย่อย กลุ่มย่อยๆ อาจจะขายในช่วงเวลาที่ต่างกัน ราคาของกาแฟสารที่ขายจะไม่

               เท่ากัน ในขณะที่ของกลุ่มวิสาหกิจขายที่ 150-160  บาทต่อ กก. โดยเฉลี่ย กลุ่มย่อยที่ทําสัญญาโดยตรงกับ
               บริษัทรับซื้อปลายทางและเน้นคุณภาพมากกว่าอาจขายได้ถึง 180-220 บาทต่อ กก.

                       1)  การขายเมล็ดกาแฟผ่านวิสาหกิจชุมชน
                       กลุ่มรับซื้อกาแฟเชอร์รี่จากสมาชิกซึ่งจะได้ปริมาณประมาณร้อยละ 60 ของผลผลิตทั้งหมดในหมู่บ้าน

               แล้วนํามาแปรรูปเป็นกาแฟกะลา กาแฟสารและกาแฟคั่ว กลุ่มจะขายทั้งในลักษณะกาแฟเชอร์รี่ กาแฟกะลา

               กาแฟสารและเมล็ดกาแฟคั่วสําเร็จ แต่ลูกค้ารายใหญ่มักจะซื้อที่เป็นกาแฟสารแล้วนําไปคั่วต่อเอง การรวมกลุ่ม
               ทําให้สมาชิกสามารถขายเมล็ดกาแฟสดได้ในราคาที่สูงขึ้นและเป็นธรรม มีอํานาจในการต่อรองราคากับพ่อค้า

               ที่มาติดต่อกลุ่ม มีการถ่ายทอดและพัฒนาองค์ความรู้ให้กับสมาชิก แต่เนื่องจากกลุ่มยังต้องเผชิญกับความเสี่ยง

               การจ่ายเงิน และความผันผวนของราคากาแฟซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงบ่อยถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ทําให้ไม่สามารถ
               กําหนดราคารับซื้อล่วงหน้าได้นานนัก  กลุ่มจะแจ้งราคารับซื้อซึ่งอ้างอิงราคาตลาดให้เกษตรกรทราบก่อนเป็น

               เวลา 1  วัน แต่กลุ่มจะมีราคาประกันขั้นต่ําให้สมาชิก สมาชิกของกลุ่มจะได้รับเงินทันทีตอนที่ขายเชอร์รี่สดให้
                                        94
               และจะได้รับปันผลในภายหลัง
                       ในส่วนของการแปรรูป ผลผลิตของกลุ่มมีหลายเกรด กว่าร้อยละ 85 เป็นกาแฟสาร premium เกรด
                                                                                                  96
                 95
               A  ขายในราคาประมาณ 180 บาทต่อ กก. ซึ่งถ้าขายแบบเมล็ดคั่วจะได้ราคาสูงถึง 700 บาทต่อ กก.  ในการ
                                                                                                97
               แปรรูป ต้นทุนผันแปร (ค่าเมล็ดเชอร์รี่รวมค่าแรงงาน) ของการผลิตกาแฟสารคือ 152 บาทต่อ กก.
                       กลุ่มวิสาหกิจเป็นแหล่งรับซื้อขนาดใหญ่ของชุมชนและไม่เน้นการทํากําไรจากการซื้อขายและแปรรูป
               กาแฟ แต่เน้นการระบายสินค้าใน stock โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้กลุ่มวิสาหกิจจะไม่สามารถกักตุนกาแฟไว้ขาย





               94 ในอัตรา 50  สต. ต่อ กาแฟเชอร์รี่ที่สมาชิกขาย 1  กก.เช่น ขายให้กลุ่ม 3,000  กก.จะได้ปันผลทั้งหมด 1,500
               บาท

               95
                 ประมาณ 95 ตันที่เหลืออีกประมาณ 15 ตันเป็นกาแฟสารคุณภาพต่ําและแบบขายคละเกรด
               96
                 กาแฟสารคุณภาพต่ํา (เกรด Y) จะขายได้ที่ราคา 100 บาทต่อ กก. แต่ถ้าคั่วแล้วจะได้ราคาประมาณ 400 บาทต่อ กก.
               97 คํานวณจากราคารับซื้อเชอร์รี่ 25 บาทต่อ กก. และกาแฟสาร 1 กก. ต้องใช้เมล็ดเชอร์รี่ 6 กก. และต้นทุนแรงงานตลอด

               กระบวนการแปรรูปจากกาแฟเชอร์รี่ถึงกาแฟสารคือ 2 บาทต่อกาแฟสาร 1 กก. (จากข้อมูลผลการดําเนินงานของกลุ่ม)

                                                           4-11
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87