Page 77 -
P. 77
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เกษตรกรรับภาระค่าขนส่งไปยังบริษัทและสมาชิกในกลุ่มที่ขายมะม่วงได้จะแบ่งเงินเข้ากลุ่มประมาณ 3 บาท
ต่อ กก. มะม่วงที่เหลือจากความต้องการซื้อของบริษัทส่งออกจะขายให้ตลาดในประเทศ แม้อาจได้ราคาที่สูง
กว่าของเกษตรกรที่อยู่นอกกลุ่มวิสาหกิจเนื่องจากพ่อค้ารับซื้อยอมรับในคุณภาพของสินค้าที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป
77
แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่ต่ํากว่าราคารับซื้อของบริษัทส่งออกมาก อย่างไรก็ดี แม้ตลาดส่งออกจะเป็นความหวัง
สําคัญด้านราคาของเกษตรกร แต่การผ่านบริษัทรับซื้อรายใหญ่เพียงรายเดียวทําให้กลุ่มต้องรับความเสี่ยงจาก
การแข่งขันในตลาดต่างประเทศโดยตรง ปัจจุบัน กลุ่มวิสาหกิจฯ เริ่มปลูกมะม่วงสีทองซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เป็นที่
ต้องการของตลาดจีนและไต้หวันเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ สิ่งสําคัญที่เกษตรกรได้จากการ
รวมกลุ่ม คือ ความรู้และให้คําแนะนําซึ่งกันและกัน กลุ่มให้ความช่วยเหลือสมาชิกสนับสนุนกระดาษคาร์บอน
ห่อมะม่วง โฟม ตะกร้า/ลังมะม่วงให้สมาชิกเพื่อลดต้นทุน นอกจากจากนี้ กลุ่มเป็นผู้ซื้อปัจจัยการผลิตเช่น ปุ๋ย
ยาปราบศัตรูพืช เกษตรกรสามารถเชื่อปัจจัยการผลิตจากกลุ่มไปก่อนได้แล้วคืนเงินในภายหลัง อย่างไรก็ดี
สําหรับสมาชิกในกลุ่ม น้ําเป็นปัจจัยที่สําคัญและมีผลต่อการปลูกให้ผ่านเกณฑ์คุณภาพ สมาชิกจะต้องลงทุนกับ
เครื่องสูบน้ํา ปั้มน้ํา ท่อน้ํา แต่เกือบร้อยละ 70 ของสมาชิกในกลุ่มขาดแคลนน้ําเพื่อการเกษตรในฤดูแล้งและ
พี่งพาการซื้อน้ําใช้ในการเกษตร
กลุ่มที่ 2: ปลูกเพื่อส่งขายในตลาดทั่วไป (traditional market)
เกษตรกรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจส่วนใหญ่เลือกปลูกมะม่วงหลายๆ พันธุ์ เพื่อกระจายความเสี่ยงทั้ง
ทางราคาและผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ในแต่ละปี และขายมะม่วงในตลาดทั่วไปในประเทศไม่เน้นคุณภาพสูง ไม่
ต้องผ่านการรับรอง GAP เกษตรกรส่วนใหญ่มีพื้นที่ทํากินประมาณ 7 ไร่ ได้ผลตอบแทนสุทธิทั้งหมดประมาณ
78
10,000 บาทต่อไร่ ซึ่งต่ํากว่ารายได้ของเกษตรกรในกลุ่มวิสาหกิจมาก ทําให้เกษตรกรจําเป็นต้องพึ่งการ
ประกอบอาชีพอื่นเพื่อเสริมรายได้และมักปลูกข้าวไร่ พ่อค้าคนกลางที่มารอรับซื้อจะตกลงราคากับเกษตรกรใน
79
ลักษณะวันต่อวันหรืออาจผ่านนายหน้าซึ่งเป็นเกษตรกรในพื้นที่ ราคาที่เกษตรกรได้รับจะอิงราคาตลาดใน
ช่วงเวลาที่ขาย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อค้าสามารถรอซื้อช่วงมะม่วงใกล้สุก เกษตรกรมักแข่งกันขายให้พ่อค้าด้วย
กังวลว่าจะขายได้ไม่หมด ราคาจึงตกอย่างรวดเร็ว การรวมกลุ่มกันขายเพื่อเพิ่มอํานาจการต่อรองยังเป็นไปได้
ยากและขัดกับระบบนายหน้าซึ่งเป็นระบบเดิมในพื้นที่ เกษตรกรกลุ่มนี้ให้ความสําคัญกับการเก็บรักษาเคล็ด
80
ลับการดูแลต้นมะม่วงของตน และยังใช้ยาปราบศัตรูพืชในปริมาณมาก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ผลิตตาม
มาตรฐาน GAP
77
ปริมาณที่บริษัทต้องการมีเพียงร้อยละ 30 ของผลผลิตทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะขายในตลาดทั่วไปซึ่งราคาต่ํากว่ามาก หาก
บริษัทส่งออกรับซื้อมะม่วงน้ําดอกไม้ขนาดใหญ่ในราคา 65 บาท/กก. ตลาดในประเทศจะรับซื้อที่ประมาณ 25-32 บาท
78
เกษตรกรลงทุนตั้งแต่ปลูกจนมะม่วงให้ผลในปีแรกประมาณ 20,000 บาทต่อไร่ต่อปี
79
ราคารับซื้อประมาณ 25-32 บาทต่อ กก. (ปี 2559) หากขายมะม่วงคละเกรดเหมารวม ได้ราคาประมาณ 20 บาทต่อ กก.
นายหน้าจะได้ค่าติดต่อลูกค้าให้พ่อค้าคนกลางในอัตรา 50 สต. ต่อ กก. ในบางช่วงอาจมีพ่อค้ามารับซื้อถึง 40-50 ราย
80
ต้นมะม่วงของเกษตรกรกลุ่มนี้จะมีพุ่มหนาเนื่องจากเกษตรกรไม่ได้เน้นการตัดแต่งกิ่ง ทําให้ต้องใช้ยาในปริมาณมาก
4-6