Page 239 -
P. 239
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่างๆ โดยเกษตรกรมีรายได้สุทธิต่อไร่สูงขึ้น และในด้านสิ่งแวดล้อมพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงการ
ใช้พื้นที่ที่ดีขึ้น มีการใช้สารเคมีและยาปราบศัตรูพืชลดลงมาก
9) สําหรับกลุ่มที่นําโดยผู้ประกอบการที่มีลักษณะการดําเนินงานเพื่อสังคมพบว่า การตกลงราคา
และปริมาณรับซื้อล่วงหน้าทําให้เกษตรกรมีความมั่นใจมากขึ้น ในขณะที่การช่วยเหลือเกษตรกร
ในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ การเงิน การมีส่วนร่วม การรับซื้อผลผลิตโดยให้ความสําคัญกับการดูแล
คุณภาพ มีผลทําให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น มีสัดส่วนหนี้ต่ํา และมีการใช้สารเคมีกับยาปราบ
ศัตรูพืชน้อยกว่าเกษตรกรที่ขายให้กับพ่อค้าทั่วไปในตลาดแบบดั้งเดิม
10) การดําเนินงานของกลุ่มย่อยที่เป็นคนในพื้นที่ซึ่งมีความผูกพันเชิงสังคมกับเกษตรกรส่งผลกระทบ
ต่อตัวแปรความยั่งยืนใกล้เคียงกับการดําเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน การส่งเสริมให้มีกลุ่ม
ย่อยที่เป็นคนในพื้นที่อาจจะเป็นรูปแบบหนึ่งในการพัฒนารูปแบบธุรกิจเมื่อผลผลิตในพื้นที่มี
จํานวนมากขึ้นเกินกว่าระดับที่เหมาะสมภายใต้การบริหารงานของวิสาหกิจ และเป็นแนวทางหนึ่ง
ในการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้รับซื้อในพื้นที่และนําไปสู่ผลดีต่อเกษตรกรได้
(รายละเอียดในบทที่ 5 และ 6.1 และ 6.2)
9.1.4 ข้อดีและข้อจํากัดของรูปแบบธุรกิจต่างๆ
ผู้วิจัยพบว่ารูปแบบธุรกิจสําหรับเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่วิจัยทั้ง 7 พื้นที่สามารถแบ่งตามลักษณะ
กิจกรรมหลัก ได้ดังนี้ 1) เกษตรกรอยู่ในรูปแบบธุรกิจซื้อขายแบบดั้งเดิม 2) การทําเกษตรพันธะสัญญากับ
บริษัทเอกชนนอกพื้นที่ 3) รูปแบบการรวมกลุ่มเพื่อขาย 4) การรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาคุณภาพ 5) การรวมกลุ่ม
เพื่อแปรรูป 6) การรวมกลุ่มเพื่อแปรรูปและพัฒนาคุณภาพ แต่ละรูปแบบมีจุดแข็งและข้อจํากัดต่างกันออกไป
โดยมีประเด็นสําคัญดังนี้
- ในพื้นที่ที่เกษตรกรอยู่ในระบบเกษตรพันธะสัญญา เกษตรกรได้รับประโยชน์จากรายได้ที่มั่นคง
ขึ้นเพราะมีแหล่งขายผลผลิตที่ชัดเจน มีแหล่งให้กู้ปัจจัยการผลิตที่ชัดเจน ได้ความรู้จากบริษัทที่
จ้างทํา อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังไม่มีอํานาจต่อรองและยังเผชิญความเสี่ยงหากกระบวนการ
ผลิตมีปัญหา และมีโอกาสในพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันในชุมชนน้อย นอกจากนี้โดยส่วนใหญ่ยัง
พบว่า พื้นที่เพาะปลูกจะมีสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีการกําหนด
เงื่อนไขใน การดูแลสิ่งแวดล้อมในเกณฑ์การเพาะปลูกหรือลักษณะพืชที่ให้ปลูก
- ในกรณีที่เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกันเพื่อทําการขายผลผลิตในตลาดทั่วไป
เกษตรกรได้ประโยชน์ชัดเจนในการหาตลาดหรือมีพ่อค้าให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากปริมาณ
สินค้ามากพอ ลดต้นทุนการขนส่งทั้งสําหรับด้านเกษตรกรและพ่อค้ารับซื้อ เกษตรกรสามารถตัด
ช่วงของพ่อค้าคนกลางออกไปได้บ้าง มีการแบ่งปันความรู้กันเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากสินค้าที่ผลิตยัง
ไม่มีจุดเด่น เกษตรกรมีอํานาจต่อรองต่ําและรับความเสี่ยงทั้งหมด ในกรณีที่สินค้าเน่าเสียได้ง่าย
โอกาสที่จะมีเกษตรกรแตกกลุ่มจะยิ่งสูงมากขึ้นอีก ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเพื่อขายสินค้าในตลาดทั่วไป
ไม่ได้มีบทบาทมากนักในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พ่อค้าโดยทั่วไปไม่มีบทบาทและไม่ได้ให้
ความสําคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก เนื่องจากผลผลิตทั้งหมดถูกขายในตลาดทั่วไปที่เน้นการผลิต
9-5