Page 16 -
P. 16
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
คําพิพากษาฎีกาที่ 4934/2536 โจทก์ฟูองเรียกเงินคืนจากจําเลยโดยตั้งสภาพแห่งข้อหาฐาน
ลาภมิควรได้ว่า จําเลยได้เงินจากโจทก์โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ และมีคําขอบังคับให้
โจทก์คืนเงินตามสภาพข้อหาดังกล่าว จําเลยให้การต่อสู้คดีว่าฟูองโจทก์ขาดอายุความตาม ป.พ.พ.
มาตรา 419 ดังนั้น เมื่อโจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจําเลยเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2529 แต่ฟูองเมื่อ
วันที่ 14 พ.ย. 2531 พ้นกําหนดหนึ่งปีนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืน ฟูองโจทก์จึงขาดอายุ
ความ ตาม มาตรา419
คําพิพากษาฎีกาที่ 4015/2528 โจทก์จําเลยได้เลิกสัญญาซื้อขายที่ดินกันแล้ว คู่สัญญาจึงต้อง
กลับคืนสู่ฐานะเดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 แต่จําเลยไม่คืนเงินมัดจําและราคาที่ดินที่จําเลยรับไว้ให้แก่
โจทก์ โจทก์จึงฟูองคดีเพื่อเรียกเงินดังกล่าวคืน เป็นกรณีที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ติดตามเอาทรัพย์คืน ไม่มี
อายุความ
คําพิพากษาฎีกาที่ 2882/2539 การที่จําเลยตกลงให้บริษัท ก. เข้าขุดคลองในที่ดินของจําเลย
เพื่อประโยชน์ของจําเลย ถือได้ว่าจําเลยต้องรู้เห็นและรับผิดชอบต่อโจทก์ด้วย เมื่อคลองที่ขุดขึ้นอยู่ห่าง
จากแนวเขตที่ดินของโจทก์ไม่ถึง 1 เมตร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1342 วรรคสอง การกระทําของจําเลยจึง
เป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ฟูองขอให้จําเลยปูองกันความเสียหายอันจะเกิดแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินของโจทก์ที่ติดต่อ
กับที่ดินที่จําเลยขุดคลองมิใช่เรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุ
ความ 1 ปี ตามมาตรา 448 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
(6) บุคคลสิทธินั้น คู่กรณีจะทําให้เกิดความผูกพันกันในลักษณะอย่างไรก็ได้ เป็นการก่อตั้ง
สิทธิตามสัญญา ส่วนทรัพยสิทธิ ใช้ยันแก่บุคคลทั่วไปได้ ทั้งนี้ ต้องพิจารณาตามมาตรา 1298 ด้วย
(จะตั้งขึ้นนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ไมได้)
คําพิพากษาฎีกาที่ 711/2484 สิทธิตามสัญญาจ้างทําของบนที่ดินไม่ใช่ทรัพย์สิทธิ ย่อมไม่ตก
ติดไปกับที่ดิน
(7) กรณีมีการโอนทรัพย์สินเปลี่ยนมือไป ทรัพยสิทธิย่อมตกติดไปกับตัวทรัพย์สินนั้นด้วย
ส่วนบุคคลสิทธินั้น บังคับได้เฉพาะคู่กรณี ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ บุคคลสิทธิย่อมไม่ตกติดตามไป
(8) บุคคลสิทธิที่มีทรัพย์สินเข้ามาเกี่ยวข้องในบางกรณีนั้น ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่สิ่งจําเป็น
ของความมีอยู่ขอบุคคลสิทธิ เช่น สัญญาซื้อขายซึ่งเป็นบุคคลสิทธิ ขณะทําสัญญาซื้อขายไม่ต้องมี
ทรัพย์สินอยู่หรือแม้ไม่เจาะจงว่าเป็นทรัพย์สินใด สัญญาก็สมบูรณ์แล้ว (คําพิพากษาฎีกาที่ 2303/2533)
ส่วนทรัพยสิทธิ เป็นสิทธิที่ต้องมีทรัพย์มารับรอง จึงต้องมีตัวทรัพย์ก่อน
คําพิพากษาฎีกาที่ 2303/2533 สัญญาจะซื้อจะขายเป็นสัญญาที่กําหนดให้โอนกรรมสิทธิ์ใน
ทรัพย์สินกันภายหน้า แม้ขณะทําสัญญาผู้ขายยังไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่
สมบูรณ์ สัญญาก็มีผลบังคับแล้ว
คําพิพากษาฎีกาที่ 515/2525 จําเลยขายฝากเรือนเลขที่ 126 แก่โจทก์ต่อมาระหว่างอายุ
สัญญา จําเลยรื้อเรือนแล้วสร้างเป็นเรือนหลังใหม่ในที่ดิน โดยใช้ไม้ของเรือนหลังเดิมบางส่วนและใช้
บ้านเลขที่ 126 ตามเดิม ดังนี้ ถือได้ว่าเรือนหลังเดิมซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาขายฝาก
และเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้สิ้นสภาพไปแล้ว เรือนหลังใหม่คือเรือนพิพาทย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับของ
สัญญาขายฝาก โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาท ไม่มีอํานาจฟูองขับไล่จําเลย คงมีอํานาจที่จะว่า
กล่าวแก่จําเลยในกรณีที่จําเลยรื้อเรือนหลังเดิมอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากเท่านั้น
16