Page 92 -
P. 92

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




                   การเลี้ยงปลาสวายโมงในกระชังเชิงพาณิชย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อ�าเภอท่าอุเทน
              จังหวัดนครพนมด�าเนินการ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน�้าจืดสกลนครทดลองเลี้ยงปลาสวาย

              โมงในกระชังในแม่น�้าโขง ปล่อยลูกปลา 50 - 200 ตัวต่อลูกบาศก์เมตรให้อาหารเม็ดลอยน�้าระดับ
              โปรตีนร้อยละ 30 เริ่มต้นเลี้ยงตั้งแต่ขนาด 68 - 74 กรัม/ตัวใช้เวลา 7 เดือนได้ปลาน�้าหนัก
              467 - 516 กรัม อัตราการแลกเนื้ออยู่ระหว่าง 1.7 - 2.1 และในภาคเหนือสถานีประมงน�้าจืด
              จังหวัดเชียงรายได้ทดลองเลี้ยงปลาสวายโมงโดยวางกระชังในอ่างเก็บน�้าที่ความลึก 3 เมตร
              ปล่อยลูกปลาบางกว่าคือ 25 - 45 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร ให้อาหารเม็ดลอยน�้าระดับโปรตีน
              ร้อยละ 30 เช่นเดียวกันโดยเริ่มต้นเลี้ยงตั้งแต่ขนาด 51 กรัม ใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าคือ 12 เดือน ได้

              ปลาขนาดใหญ่กว่าคือมีน�้าหนัก 944 - 1,060 กรัม/ตัว อัตราการแลกเนื้อสูงกว่าคืออยู่ระหว่าง
              2.27 - 2.59 มีต้นทุนการเลี้ยง 51 - 60 บาทต่อกิโลกรัม (กรมประมง 2550)
                   ข้อเสียของการเลี้ยงปลาสวายโมงในกระชัง คือ ควบคุมโรคระบาดได้ยาก เมื่อปลาเป็น
              โรคก็รักษาได้ยาก ไม่สามารถควบคุมคุณภาพน�้าได้ หลังฝนตกหนักน�้าเป็นตะกอนขุ่นแดงและ

              อาจมีสารเคมีทางการเกษตรที่ถูกชะล้างปนมากับน�้าฝน นอกจากนี้อาหารที่ให้ปลาสวายโมงใน
              กระชังจะต้องเป็นอาหารส�าเร็จรูป หรืออาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน เนื่องจากปลาไม่สามารถหา
              อาหารธรรมชาติกินได้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตตามปกติ (ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยง
              สัตว์น�้าจืดชัยนาท ม.ป.ป.)
                   กรมประมงมีนโยบายปรับโครงสร้างการเลี้ยงปลาสวายใหม่ ให้เป็นการเลี้ยงในระบบ

              น�้าไหล มีการให้อาหารที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อให้ได้ปลาสวาย
              ที่มีคุณภาพเนื้อดี สีขาว ไม่มีกลิ่นและไม่มีมันมาก ปัจจุบันเริ่มด�าเนินการอยู่ที่ เขื่อนล�าปาว
              จังหวัดกาฬสินธุ์ และจะส่งเสริมให้เลี้ยงในพื้นที่ที่มีเขื่อนใหญ่หรือที่มีระบบชลประทานที่ดีที่มี
              น�้าไหลผ่านตลอด เช่น จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดอุดรธานี หรืออาจจะเป็นทางภาคใต้ นอกจากนี้
              ที่ศูนย์วิจัยประมงน�้าจืดบางไทร จังหวัดอยุธยาจะทดลองเลี้ยงปลาสวายเป็นระบบปิดในบ่อซีเมนต์
                                                                                    23



                22   เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีการงการพัฒนาการเลี้ยงปลามรกต แต่ยังไม่มีข่าวว่าประสบความส�าเร็จในการ
                  พัฒนาธุรกิจปลามรกต บางแห่งเรียกปลามรกตว่าปลาหูหลุด เอกชนอื่นที่ไม่ใช่เครือเจริญโภคภัณฑ์
                  ซึ่งมีการเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้จะเรียกชื่อเป็นปลาหูหลุด เป็นปลาลูกผสมระหว่าปลาเทโพกับปลาสวาย
                  เพื่อให้ได้ปลาที่มีเนื้อขาว ไม่มีกลิ่น นอกจากนี้ยังมีลูกผสมระหว่างปลาบึกกับปลาสวายเรียกว่า
                  บึกสยาม เป็นปลาลูกผสม การผสมข้ามพันธุ์มีความจ�าเป็นส�าหรับการขยายการผลิตปลาสวายให้ได้
                  ทั้งคุณภาพ ราคา และตรงตามความต้องการของตลาด
                23   ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้อ�านวยการส�านักวิจัยและพัฒนาประมงน�้าจืด ธันวาคม 2555 อย่างไรก็ตาม
                  มีผู้ให้ความเห็นว่าปลาสวายที่เลี้ยงในประเทศไทยแต่เดิม ซึ่งเป็น Pangasius hopopthalmus ชื่อ
                  สามัญ Striped catfish มีเนื้อออกสีเหลือง มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เมื่อโตเต็มวัย ไม่ว่าระบบจัดการจะดี
                  อย่างไรทั้งสีและกลิ่นจะยังปรากฏแต่อาจลดระดับความรุนแรงลงบ้าง






                          สถานภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้าไทยในบริบทของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน >> I 83 I
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97