Page 43 -
P. 43
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พลวัตของความยากจน
2.4 ระเบียบวิธีศึกษาวิจัย
2.4.1 แนวคิดการผสมผสานวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative method)
และเชิงคุณภาพ (qualitative method) เพื่อศึกษาพลวัต
ความยากจน
งานวิจัยเรื่องของพลวัตความยากจนที่มีอยู่โดยส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์เชิง
ปริมาณของชุดข้อมูลที่มีการสำรวจข้อมูลครัวเรือนซ้ำๆ หลายปี หรือข้อมูลภาคตัดขวางตามเวลา
(panel data) ซึ่งความยากจนได้ถูกคิดให้อยู่ในรูปแบบดั้งเดิมคือ ความยากจนที่วัดจากด้าน
รายได้หรือด้านการบริโภค (Hulme and McKay, 2007) มีงานวิจัยเพียงไม่กี่งานที่ได้ประยุกต์วิธี
การเชิงประมาณทางสังคมศาสตร์อย่างเฉพาะตัวเพื่อที่จะศึกษาพลวัตความยากจนในระยะยาว
โดยการศึกษาครัวเรือนหรือหมู่บ้านเดิมซ้ำๆ กัน (Van Schendel, 1981) และวิธีการมีส่วนร่วม
(Shaffer, 2002; Krishna, 2007) อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเกี่ยวกับพลวัตความยากจนเหล่านี้จะใช้
วิธีการเชิงคุณภาพหรือวิธีการเชิงปริมาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งได้นำไปสู่การแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง
ผลที่ได้จากวิธีการเชิงคุณภาพและวิธีการเชิงปริมาณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีความเห็นที่
สอดคล้องกันและได้มีความพยายามเพิ่มขึ้นในการที่จะเชื่อมวิธีการวิจัยสองประเภทนี้โดยใช้
จุดแข็งในรูปแบบที่แตกต่างกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นในความซับซ้อนของพลวัตความ
ยากจน (Lawson et al., 2007; Hulme, 2007; Addison et al., 2009) สิ่งสำคัญในการศึกษา
พลวัตความยากจนนั้นไม่เพียงแต่จะต้องทำความเข้าใจในการศึกษาถึงรูปแบบของพลวัตและ
ระบุว่าครัวเรือนใดอยู่ในรูปแบบใด แต่มีความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการ
ผลักดันให้เกิดพลวัตเหล่านี้ หรือการค้นหาคำตอบว่าเหตุใดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นพลวัตของ
ความยากจนเหล่านี้จึงเกิดขึ้น อย่างเช่นที่ Baulch และ Hoddinott (2000) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
การเรียนรู้ในเรื่องของกระบวนการที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับของชุมชนและครัวเรือน
โดยอาศัยการนำจุดแข็งของทั้งสองวิธีมาใช้เป็นสิ่งจำเป็น กล่าวคือ จุดแข็งของวิธีการเชิงปริมาณ
ในการวิเคราะห์ นั้นเพื่อค้นหารูปแบบของพลวัตและระบุความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ทำให้เกิดพลวัต
นั้นๆ ในขณะที่จุดแข็งของวิธีเชิงคุณภาพสามารถอธิบายความซับซ้อนของกระบวนการและปัจจัย
ที่เกิดขึ้นตามบริบทความเป็นจริง จึงมีความเชื่อที่ว่าการผสมผสานกันของทั้งสองวิธีสามารถก่อให้
เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นและตอบคำถามได้ครอบคลุมมากที่สุด
Chambers (2007) ได้สรุประเบียบวิธีวิจัยขั้นสูงเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความยากจนว่ามี
สามวิธีการหลัก ได้แก่
42 สถาบันคลังสมองของชาติ