Page 27 -
P. 27

ิ
                                              ์
                                                 ิ
                โครงการหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร                 ี
                               ื
                                  ิ
                                                             ิ
                                                                                     ุ
                                                                             ั
                                                                                                           21

                       1.  กระบวนทัศน@เชิงสังคมศาสตร@

                          แนวคิดเชิงสังคมศาสตรมีต:นกำเนิดมาตั้งแตEยุคกรกโบราณและโรมัน นักปรชญาในยุคนี้ผสมผสานการสังเกต
                                                                                    ั
                                                                ี
                                            Q
               พฤติกรรมในเชิงประจักษQกับตรรกะแบบนิรนัย (Deductive logic) และอุปนัย (Inductive logic) ในการทดสอบ ยืนยน
                                                                                                            ั
                               ื
               และค:นพบทฤษฎีเพ่ออธิบาย และ/หรือทำนายพฤติกรรมของมนุษยQ ตEอมาการเก็บรวบรวมข:อมูลและวิธีวิจัยก:าวหน:ามาก
               ขึ้น นักวิจัยได:พัฒนาเปUนกระบวนทัศนQเชิงสังคมศาสตร  Q
                          กระบวนทัศนQสังคมศาสตรQมีทัศนะวEาความจริง (Reality) อยูEภายนอก (Out there) ที่รอการค:นพบของผ ู:
               ศึกษาผEานประสาททั้ง 5 การได:ยิน การสัมผัส การสังเกตเห็น การได:กลิ่น การลิ้มรส ความจริงมีลักษณะคEอนข:างคงที่ ไม E

                                                     ี
               วEาจะเปนพฤตกรรมและลักษณะนสัยของมนษยQทไมเปลี่ยนแปลงมากแมเวลาจะผEานไป ดงนน พฤตกรรมของมนษยQจึงเปน
                                                                                           ิ
                                                       E
                                                 ุ
                          ิ
                                                                                      ้
                                                     ่
                                          ิ
                                                                                                     ุ
                                                                                                            U
                                                                       :
                                                                                      ั
                                                                                    ั
                     U
                                                                            ั
                                                                                            ี
                                                         ิ
                                                            ื
               สิ่งทำนายได: หลักเหตุวิสัย (Determinism) เปนแนวคดพ้นฐานของกระบวนทศนเชิงสงคมศาสตรQท่มองวEาการกระทำของ
                                                                                  ั
                                                   U
                                                                              Q
               มนุษยQมีสาเหตุหรือถูกกำหนดจากปiจจัยภายนอก เชEน สื่อ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และคุณลักษณะของบุคคล การวิจัยตาม
               กระบวนทัศนQสังคมศาสตรมีวัตถุประสงคQเพอการค:นพบความจรง มีการเก็บรวบรวมข:อมูลและทดสอบทฤษฎีที่อธิบายและ
                                                                ิ
                                                 ่
                                    Q
                                                 ื
               ทำนายพฤติกรรมหรือกิจกรรมของมนุษยQ
                          กระบวนทัศนQสังคมศาสตรQใช:วิธีวิทยาศาสตรQ (Scientific methods) ในการแสวงหาความรู: มีการสังเกต
               พฤติกรรมในเชิงประจักษQ (Empirical observation) เพื่อทดสอบหรือยืนยันความถูกต:องของทฤษฎีที่นำมาใช:อธิบาย
                      ื
               และ/หรอทำนายพฤติกรรมและกิจกรรมของมนุษยQ มีมุมมองวEามนุษยQเปUนวัตถุสิ่งของในการศึกษา การเข:าใจพฤติกรรม
                                                                                                            ั
               ของมนุษยQต:องอาศัยการสังเกตด:วยความเปUนกลางหรือวัตถุวิสัย (Objectivity) ปราศจากอารมณQและความรู:สึกสEวนตว
               ของนักวิจัยหรือผู:สังเกต เชEน การวิจัยเชิงทดลองเพื่อตรวจสอบผลกระทบของตัวแปรความนEาเชื่อถือของแหลEงสาร จุดจง ู
               ใจ การวางโครงสร:างสาร ที่มีตEอทัศนคติและพฤติกรรมของผู:รับสาร
                          นักปรัชญาหลายคน อาทิ Auguste Comte นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสได:พัฒนาแนวคิด “ปฏิฐานนิยม”
               (Positivism) ซึ่งเปUนปรัชญาเชิงวิทยาศาสตรQที่มีอิทธิพลตEอการตั้งคำถามและแนวทางการแสวงหาความรู: แบEงเปUน ปฏิฐาน
               นิยมคลาสสิก (Classical positivism) และปฏิฐานนิยมเชิงตรรกวิทยา (Logical positivism) หรือที่รู:จักกันในชื่อวEา ปฏ ิ
               ฐานนิยมยุคหลัง (Post-positivism)
                                                                                 ิ
                          ปฏิฐานนิยมคลาสสิกมีความเชื่อวEาความรู:ที่เที่ยงตรงมาจากการพสูจนQ และความรู:ที่เปUนจริง(True
               knowledge) ได:มาจากการสังเกตหรือการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร ซึ่งต:องอาศัยคณิตศาสตรQและสถิติ การจะยอมรบ
                                                                     Q
                                                                                                            ั
                                                                                                       ิ
                                                                                        ิ
                                                                               ิ
                                                                                                            ุ
                                                                                    ิ
                                                                          E
                               ั
                                     ั
                                             ิ
                         :
                          :
               ความจริงไดตองอาศย “หลกฐานในเชงประจกษ” (Empirical evidence) สวนปฏฐานนยมเชงตรรกวิทยาหรือปฏฐานยค
                                                     Q
                                                  ั
                                                                  Q
                                                               ิ
                                                                                           :
               หลังท่เกิดขึ้นภายหลังมความเชื่อวEาความรู:มาจากหลักฐานท่พสูจนความจริงและความรู:ท่เปนจริงตองอาศยการสังเกตทาง
                    ี
                                                                                                 ั
                                                              ี
                                 ี
                                                                                    ี
                                                                                      U
               วิทยาศาสตรQและการคิดเชิงเหตุผล  เห็นได:วEาปฏิฐานนิยมเชิงตรรกวิทยาได:เพิ่มแนวคิด “เหตุผลนิยม” (Rationalism)
                                                                                                            ื
               เปนอีกองคQประกอบท่จำเปนในการแสวงหาความรู: สEวนปฏฐานนิยมคลาสสิกดั้งเดิมเน:นเฉพาะหลักฐานเชิงประจักษ หรอ
                                    U
                                ี
                                                             ิ
                 U
                                                                                                         Q
               “หลักฐานทางวิทยาศาสตรQ” (Scientific evidence) เทEานั้น
                          กระบวนทัศนQสังคมศาสตรQที่มีพื้นฐานจากแนวคิดปฏิฐานนิยมใช:วิธีวิทยาศาสตรQ (Scientific method) ใน
               การแสวงหาความรู: มีการกำหนดสมมติฐานภายใต:กรอบแนวคิดทฤษฎีที่นำมาใช: ซึ่งเปUนการทำนายหรือการคาดหวังของ
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32