Page 142 -
P. 142

์
                                                 ิ
                                                             ิ
                               ื
                                  ิ
                                           ิ
                                                                             ั
                โครงการหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร                 ี
                                                                                     ุ
                                                                                                           136

               ทฤษฎีการใช,สื่อและชsองทางการสื่อสาร

                       ทฤษฎีที่อธิบายเหตุผลในการใช:สื่อและชEองทางการสื่อสาร ได:แกE (1) ทฤษฎีการเสริมชEองทางการสื่อสาร
               (Channel complementary theory) และ (2) การกระตุ:นแรงจูงใจที่เปUนพลวัต (Dynamic motivational activation)

               (Littlejohn et al., 2017)
                       (1) ทฤษฎีการเสริมชsองทางสื่อสาร (Channel complementary theory) อธิบายวEาเมื่อมีสื่อและชEองทาง

                          การสื่อสารใหมEในสังคม สื่อใหมEจะเข:ามาแทนที่หรือลดการใช:สื่อเกEา การเกิดขึ้นของสื่อโทรทัศนQลดการใช:สื่อ
                                                                                               ่
                                                                                          ื
                                                                                ื
                                                                              Q
                                                   Q
                          วิทยุลงหรือไม สื่อสังคมออนไลนลดการใช:สื่อรูปแบบเกEาอยEางอีเมลหรอโทรศัพทQหรอไมE ซึงนักวชาการพบวEา
                                                                                                   ิ
                                     E
                          ชEองทางการสื่อสารใหมEไมEได:เข:ามาแทนที่ แตEสื่อหรือชEองทางการสื่อสารใหมEถูกนำมาใช:รEวมกันกับชEองทาง
                          สื่อสารเดิม บุคคลสามารถเลือกชEองทางและสื่อที่จะเปóดรับบนพื้นฐานของความพึงพอใจที่ได:รับ
                                                                                                            U
                                   การเลือกชEองทางการสื่อสารอยูEบนพื้นฐานของแรงจูงใจหรือการทำหน:าที่ของสื่อมากกวEาที่จะเปน
                           ธรรมชาติของสื่อ ถ:าชEองทางการสื่อสารสนองตอบหรือทำหน:าที่เดียวกัน ก็จะมีความสอดคล:องหรือความ
                           เข:ากันได:ในการใช:สื่อ ผลการวิจัยเรื่องการใช:สื่อในชEวงวิกฤต 9/11 พบวEาถ:าบุคคลมีเป©าหมายที่จะสร:าง
                           ชุมชนภายหลังวิกฤต 9/11 ก็จะมีการสื่อสารผEานออนไลนเพ่อสร:างชุมชน และก็ใช:ชEองทางการสื่อสารแบบ
                                                                         ื
                                                                       Q
                           เห็นหน:าคEาตาด:วยเชEนกัน สื่อใหมEจึงไมEได:แทนที่ชEองทางการสื่อสารเกEาอยEางการสื่อสารแบบเห็นหน:าคEาตา
                                ิ
                           กัน จรง ๆ แล:ว ชEองทางการสื่อสารทั้งสองกระตุ:นการสื่อสารมากขึ้นโดยบุคคลใช:การสื่อสารทั้งสองชEองทาง
                           ความแตกตEางของบุคคลชี้ถึงการเลือกชEองทางการสื่อสารใดมากกวEาที่ชEองทางการสื่อสารหนึ่งจะแทนที่ชEอง

                           ทางการสื่อสารอื่น (Dutta-Bergman, อ:างถึงใน Littlejohn et al., 2017)
                                                                                                            ั
                                 ปiจจัยเรื่องความสามารถทางสังคม (Social competence) มีผลตEอการใช:สื่อเชEนเดียวกบ
                           ความสามารถทางการสื่อสาร (Communication competence) คนที่มีความสามารถทางสังคมต่ำจะชอบ
                           สื่อสารทางออนไลนQและการสื่อสารผEานสื่อมากกวEา และใช:การสื่อสารแบบเห็นหน:าคEาตาน:อยกวา
                                                                                                            E
                           ผลการวิจัยกับกลุEมนักศึกษาที่มีบัญชีเฟซบุ†กพบวEาชEองทางการสื่อสารที่นักศึกษาเลือกสำหรับการสื่อสาร
                           ระหวEางบุคคล พบวEาคนที่มีความสามารถทางสังคมสูงใช:โทรศัพทQและการสEงข:อความเสริมกัน ในทาง

                                                                                        ิ
                           ตรงกันข:าม คนที่มีความสามารถทางสังคมต่ำจะใช:อีเมลQและการสEงข:อความเสรมกัน ความแตกตEางระหวEาง
                                         ั
                           บุคคลเปUนสิ่งสำคญในการเข:าใจวEาเมื่อใดที่ชEองทางการสื่อสารจะเสริมกันหรือถูกแทนที่ (Ruppel and
                           Burke, อ:างถึงใน Littlejohn et al., 2017)

                       (2) ทฤษฎีการกระตุ,นแรงจูงใจที่เปîนพลวัต (Dynamic Motivational Activation) อธิบายวEาการเลือกสอ
                                                                                                            ื่
                          ได:รับอิทธิพลจากกระบวนการเลือกเปóดรับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากทั้งแรงจูงใจและลักษณะของปiจจัยนำเข:าสอ
                                                                                                            ื่
                                                                                                           ั
                          ตEาง ๆ ได:แกE คุณลักษณะของสื่อที่มีอิทธิพลตEอความสนใจ ทั้งการเลือกสื่อและเวลาที่ใช:กับสื่อมีความสำคญ
                          ตEอการเข:าใจแรงจูงใจในการใช:สื่อ

                                                                                   Q
                                 ทฤษฎีการกระตุ:นแรงจูงใจที่เปUนพลวัต อธิบายวEามีความสัมพันธแบบแลกเปลี่ยนกัน (Reciprocal
                           relationship) ระหวEางการเลือกสื่อและการประมวลสื่อที่ถูกกระตุ:น (motivated media processing)
   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147