Page 110 -
P. 110
ิ
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรตสมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
ื
์
ั
ุ
ิ
ิ
104
ทฤษฎีการสร,างภูมิคุ,มกัน (Inoculation theory)
:
ิ
การโน:มน:าวใจนอกจากจะมีเป©าหมายเพื่อใหเกดการเปล่ยนแปลงทศนคตและพฤตกรรมของผ:รบสารแลว การทำ
:
ั
ิ
ิ
ั
ู
ี
ให:ผู:รับสารมีทัศนคติที่มั่นคง ไมEเปลี่ยนแปลงไปตามสารโน:มน:าวใจอื่น กลEาวคือ สามารถต:านทานการโน:มน:าวใจอื่นได:ก ็
E
เปUนเรื่องที่สำคัญด:วยเชEนกัน เชEน ในการรณรงคQให:เยาวชนไมEสูบบุหรี่ นอกจากจะมีเป©าหมายให:เยาวชนมีทัศนคติไมEดีตอ
บุหรี่และไมEสูบบุหรี่แล:ว ยังต:องทำให:เยาวชนสามารถต:านทานสารจากแหลEงอื่นที่ต:องการชักจูงให:เยาวชนสูบบุหรี่ด:วย เพื่อ
ี
ไมEให:กลุEมเป©าหมายคล:อยตามแหลEงสารอื่นที่โน:มน:าวใจไปในทางตรงกันข:าม ทฤษฎการสร:างภูมิคุ:มกัน (Inoculation)
ได:รับการพัฒนาขึ้นในต:นทศวรรษ 1960 โดย William McGuire นักจิตวิทยาสังคม ทไมEเพียงแตEอธิบายการเปลี่ยนแปลง
ี่
ทัศนคติและความเชื่อของผู:รับสาร แตEยังอธิบายการรักษาทัศนคติและความเชื่อเมื่อต:องเผชิญกับข:อโต:แย:งคัดค:านในการ
โน:มน:าวใจจากแหลEงสารอื่น ทฤษฎีอธิบายเทคนิคในการสร:างสารเพิ่มภูมิคุ:มกันเพื่อต:านทานการโน:มน:าวใจให:ประสบ
Q
ผลสำเร็จ อุปมาเปรียบเทียบไดกับการแพทยที่มีการฉีดวัคซีนป©องกันเชื้อโรค สEวน “สารโน:มน:าวใจเพื่อสร:างภูมิคุ:มกัน”
:
(Inoculation messages) ซึ่งมีข:อโต:แย:งคัดค:านกเหมือนกับวัคซีนทป©องกันการจโจมทัศนคตที่ทำให:ผู:รับสารสามารถ
ูE
ี่
ิ
็
:
ต:านทานหรือไมEคล:อยตามการโน:มน:าวใจอื่นได
การสร,างภูมิคุ,มกันการโน,มน,าวใจ
:
ผู:สEงสารสามารถสร:างภูมิคุ:มกันให:กับผู:รับสารเพื่อต:านทานสารโน:มน:าวใจอื่นที่ขัดแย:งกับทัศนคติเดิมได การให :
:
ภูมิคุ:มกันในการโน:มน:าวใจให:ผลในทำนองเดียวกันกับการให:ภูมิคุ:มกันในทางการแพทยQ โดยการให:ผู:รับสารได:เปóดรับขอ
โต:แย:งที่คุกคามหรือขัดแย:งตEอทัศนคติและความเชื่อ และการนำเสนอสารที่ปฏิเสธหรือคัดค:านข:อโต:แย:งเหลEานั้นเปUนการ
สร:างภูมิคุ:มกันเพอเพมความสามารถของผรับสารในการปกปองทศนคตหรอความเชอของตวเองโดยการหักล:างข:อโต:แย:งท ี่
ื
ั
ิ
©
่
่
ื
ิ
ั
่
ื
:
ู
ี่
่
คล:ายคลึงกันทีอาจจะได:เปóดรบในอนาคต ด:วยวิธีการนทำให:ผูรบสารมี “ภูมิคุ:มกัน” ตEอการโน:มน:าวใจทขัดแย:งกับทัศนคต ิ
ั
ี้
ั
:
ในอนาคต
:
ทฤษฎีการให:ภูมิคุ:มกันอธิบายเกี่ยวกับทัศนคติและความเชื่อของผู:รับสารที่สามารถป©องกันการถูกจูEโจมจากขอ
โต:แย:งคัดค:าน ดังนี้ (Floyd et al., 2016)
(1) ผู:รับสารสามารถป©องกันทัศนคติและความเชื่อจากข:อโต:แย:งคัดค:าน (Counterarguments) ที่คุกคามทัศนคต ิ
และความเชื่อของตนเอง เชEน ถ:าผู:รับสารมีทัศนคติทางบวกตEอการลงโทษเด็กทางรEางกาย โดยเชื่อวEาการตีเดก
็
เปUนวิธีลงโทษทชEวยสร:างวินัยให:กับเด็กได เมื่อต:องเผชิญกับข:อโต:แย:งคัดค:านที่คุกคามหรือตรงข:ามกับทัศนคต ิ
ี่
:
ี่
U
เชEน บทความในนิตยสารทนำเสนอวEาการลงโทษเด็กไมEมีประสิทธิผลและเปนอันตรายตEอจิตใจของเด็ก บทความ
ิ
นี้โน:มน:าวใจให:มีทัศนคตทางลบตEอการลงโทษทางรEางกายของเด็ก ถ:าทัศนคติทางบวกที่มีตEอการลงโทษไมEมั่นคง
มากพอ ขณะที่บทความเสนอข:อโต:แย:งคัดค:านที่มีน้ำหนักมากพอที่จะมีผลกระทบตEอความคิดเห็นผู:รับสาร ข:อ
โต:แย:งคัดค:านนจะเปนสาเหตุใหผู:รับสารเปลี่ยนแปลงทัศนคติ อยEางไรก็ตาม ทฤษฎีการสร:างภูมิคุ:มกันอธิบายวEา
U
:
ี้
บุคคลจะสามารถป©องกันทัศนคติเมื่อต:องเผชิญกับข:อโต:แย:งคัดค:านได: