Page 42 -
P. 42

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี




                                         มองย้อนหลัง

                         ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร*





                ผมขอขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายที่มาแสดงมุทิตาจิตในวันที่ผมอายุครบ ๘๐ ปี
          ในวันนี้ ผมอยากจะพูดเรื่องวิชาการที่จะถูกใจทุกๆ ท่านที่มา แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเดิม

          ผมสนใจทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสถิติ แต่ตอนท้ายมายุ่งอยู่กับศิลาจารึก ภาษาถิ่น
          และประวัติศาสตร์ เพื่อนและลูกศิษย์ของผมส่วนใหญ่คงจะชอบวิทยาศาสตร์หรือศิลปศาสตร์

          เพียงอย่างเดียว ถ้าจะทำาให้ถูกใจคนทุกคนคงจะต้องเป็นอย่างเรื่องที่เล่ากันมาว่า พ่อลูกจูงลา
          ไปตลาด ถูกคนตำาหนิว่าโง่ ทำาไมไม่ขี่ลาไป พอลูกขี่ลา ก็มีคนตำาหนิว่าทำาไมทิ้งพ่อซึ่งชรา

          ให้เดิน พอพ่อขี่ลา ให้ลูกเดิน ก็มีคนตำาหนิว่าปล่อยให้ลูกซึ่งยังเด็กเดินไป พ่อลูกเลยต้อง
          ขี่ลาทั้งสองคน แต่ก็ถูกตำาหนิว่าทรมานสัตว์ พ่อลูกหมดทางเลือก จึงต้องแบกลาไป ผมยัง

          ไม่อยากแบกลา จึงขอเลี่ยงไปเล่าเรื่องมองย้อนหลังให้ฟังคงจะดีกว่า

                ชีวิตผมดีเด่นตรงที่เรียนหนังสือเก่ง เมื่อเรียนชั้นประถม มีพี่น้องเรียนอยู่ ๓ คน
          ผมเป็นคนที่ ๓ ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แต่พอถึงประถม ๓ ภาคเรียนสุดท้าย เขาสอบได้ว่า

          คนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน ผมจึงต้องเสียค่าเล่าเรียน ๓ บาท ผมสอบ
          ประถม ๓ ได้ภายในอายุ ๙ ปีเต็ม จึงได้ทุนเล่าเรียนจนจบมัธยม ๘ ทั้งนี้จะต้องไม่สอบตกเลย

          ผมมาเรียนซำ้าชั้นมัธยม ๘ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวง จึงต้องเสียค่า
          เล่าเรียน ๖๐ บาท สมัยนั้นใครเรียนเก่งจะต้องเรียนมัธยม ๘ สองปี ใครไม่เก่งจะเรียนเพียง

          ปีเดียว เพราะคนจะชิงทุนเล่าเรียนหลวงได้ต่อเมื่อไม่เคยสอบชั้นมัธยม ๘ มาก่อน คนเรียนเก่ง
          จึงต้องซุ่มเรียนซำ้าชั้นกันทุกคน


                ผมได้ทุน ก.พ. ไปเรียนปริญญาตรีทางเกษตรวิศวกรรมที่ฟิลิปปินส์ กลับมาทำางาน ๑๒ ปี
          แล้วได้ทุน ก.พ. ไปเรียนจบปริญญาโทและเอกทางวิชาสถิติและวิชาขยายพันธ์ุพืชที่มหาวิทยาลัย

          คอร์แนลล์ ผมเป็นหนี้ตาสีตาสาเรื่องทุนเล่าเรียน จึงไม่เคยคิดจะหนีไปรับเงินเดือนสูงๆ ที่อื่น
          และยังสอนหนังสือใช้หนี้ตาสีตาสามาจนทุกวันนี้

                เมื่ออยู่ชั้นประถมได้ค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ ๒ สตางค์ พอซื้อขนมจีนและส้มตำาได้อย่างละจาน

          สมัยเรียนมัธยม ๘ สวนกุหลาบได้ค่าเบี้ยเลี้ยง ๖ สตางค์ เป็นค่าก๋วยเตี๋ยว ๕ สตางค์ และ
          ค่านำ้าลำาไยใส่นำ้าแข็งสตางค์หนึ่ง





                 *จาก ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ๒๕๔๑. ๘๐ ปี ศาสตราจารย์
          ดร.ประเสริฐ ณ นคร ภาษา - จารึก ฉบับที่ ๔. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำากัด (มหาชน)

          40
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47