Page 91 -
P. 91
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
72 Humanities Journal Vol.24 No.2 (July-December 2017)
และจารึกปราสาทพระขรรค์ พบว่าโครงสร้างเนื้อหาในส่วนแรกที่เป็นบทบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
กับโครงสร้างเนื้อหาในส่วนที่สองที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จารึกทั้งสองหลัก
มีรายละเอียดเหมือนกันทุกประการ ในที่นี้ น่าจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ
ผู้ประพันธ์จารึกปราสาทตาพรหมได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหาในจารึกตั้งแต่โศลกแรก
จนถึงโศลกที่ 18 เนื้อหาสื่อความหมายครบถ้วนสมบูรณ์นับตั้งแต่การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จนถึงการบ่งชี้ถึงสายตระกูลของกษัตริย์อย่างเป็นล าดับชั้น โดยเฉพาะเชื้อสายทาง
ฝ่ายพระราชมารดาซึ่งมีการพรรณนาอย่างละเอียด จะเห็นได้ว่าเนื้อความที่แต่งไว้
อย่างยอดเยี่ยมส่งผลให้ผู้แต่งจารึกปราสาทพระขรรค์น าเนื้อหาช่วงตอนต้นของจารึก
ปราสาทตาพรหมมากล่าวซ ้าอีก ต่อจากนั้นจึงแสดงรายละเอียดเนื้อหาให้แตกต่าง
ออกไป อนึ่ง จะเห็นได้ว่าความส าคัญของโครงสร้างเนื้อหาของจารึกทั้งสองหลักที่
สอดคล้องกันเป็นกรอบการสร้างเนื้อหาจารึกให้มีเอกภาพ ท าให้รายละเอียดที่
ผู้ประพันธ์แจกแจงรายการสิ่งของภายในศาสนสถานซึ่งมีอยู่เป็นจ านวนมาก รวมทั้ง
ชื่อเฉพาะ อาทิ เมืองต่างๆ หรือรูปปั้นพระนามต่างๆ ล้วนแสดงเนื้อหาอย่างเป็น
สัดส่วน และสามารถจ าแนกรายละเอียดปลีกย่อยของเนื้อหาได้อย่างชัดเจนด้วย
8.3 การสร้างสรรค์อลังการ
จารึกปราสาทตาพรหมมีอิทธิพลต่อการแต่งจารึกปราสาทพระขรรค์อยู่มาก
จะเห็นได้จากการสร้างสรรค์อลังการหรือความงดงามของบทประพันธ์ในมิติที่เหมือนกัน
ดังเช่น เนื้อหาในโศลกที่ 19 จารึกปราสาทตาพรหมและจารึกปราสาทพระขรรค์กล่าวถึง
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขณะประสูติไว้สอดคล้องกัน ผู้แต่งใช้แนวคิดกวิสมยะ (ขนบการ
ประพันธ์ของกวี) โดยกล่าวอ้างว่าพระพรหมเป็นเทพผู้รังสรรค์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ให้เป็นต้นแบบของมนุษย์บนโลก จารึกปราสาทตาพรหมกล่าวว่าพระพรหมได้
“ทอดพระเนตรร่างของพระการตติเกยะที่แยกกันอยู่ ถูกท าให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วย
ความยินดี คือ การกอดกันอย่างแนบแน่น ก็เลยทรงสร้างพระองค์ (พระเจ้าชัยวรมันที่
7) ขึ้นมาให้เป็นขุมทรัพย์เพียงหนึ่งเดียว” (นิพัทธ์ แย้มเดช, 2558, น. 124-125) ส่วน
จารึกปราสาทพระขรรค์กล่าวว่า “พระพรหมเมื่อประสงค์ที่จะสร้างคงจะได้รวบรวมความ
งามในโลก แล้ววางความงามที่รดด้วยน ้าอมฤตแล้วไว้บนที่รองรับ (ร่างกาย) แล้วจึง